
สรุปกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนกันยายน 2025: Riding the September Wave: Thriving Through Tech and Tariff Challenges ต้องเน้นกระจายความเสี่ยง เลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค
Executive Summary
- ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ความผันผวนทางเศรษฐกิจ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เรามองว่าการวางกลยุทธ์ลงทุนจำเป็นต้องเน้นการกระจายความเสี่ยงและเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
- คงมุมมอง Slightly Negative ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ แต่เงินเฟ้อยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างความไม่แน่นอนต่อการตัดสินใจของ Fed ในอนาคต
- แม้ภาคการผลิตอ่อนแอจากผลกระทบของ tariff แต่ภาคการบริการซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของมูลค่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง
- กำไรตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเติบโต หลัก ๆ มาจากหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 แต่แนวโน้มการเติบโตของกลุ่ม Magnificent 7 ในอนาคตเริ่มชะลอลงเข้าใกล้การเติบโตของ S&P500
- ด้าน Valuation ของดัชนี S&P500 ยังอยู่ในระดับตึงตัว โดยสถิติตั้งแต่ปี 1928 ถึง 2024 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักปรับตัวลงในเดือน ก.ย.
- แนะนำลงทุนในสินทรัพย์ Defensive ที่ได้ประโยชน์จากความผันผวนอย่างกองทุน ES-GAINCOME-A และ K-GPINUH-A(A)
ตลาดหุ้นยุโรป
- คงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นยุโรป โดยแนะนำคงสัดส่วน
- ECB มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเงินเฟ้อล่าสุดที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปมีทิศทางขยายตัวดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายภาครัฐของเยอรมนี
- ความผันผวนทางการเมืองฝรั่งเศสกระทบต่อตลาดหุ้นยุโรปในช่วงสั้น ๆ
- การซื้อหุ้นในบริษัทยุโรปคืนยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจะช่วยหนุน EPS ของตลาดปรับตัวดีขึ้น หุ้นยุโรปแม้ถูกปรับลดประมาณการกำไร แต่ Valuation อยู่ระดับค่าเฉลี่ย
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
- คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยแนะนำทยอยสะสม ASP-NGF
- การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ คลี่คลายลงแล้ว ขณะที่การเมืองฝ่ายรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากในสภาทำให้เกิดการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ แต่จากสถิติแล้วหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมักปรับตัวขึ้นต่อ
- ข้อเรียกร้องนักลงทุนนักเคลื่อนไหว (Activist Investor) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องกดดันบริษัทญี่ปุ่นให้ปรับปรุง Corporate Governance และการทำ Share buyback ถูก Execute เกินครึ่งของปี 2024 แล้ว
- แม้เงินเฟ้อญี่ปุ่นยังสูงกว่ากรอบ แต่มีแนวโน้มว่าอาจชะลอตัวลง และ BOJ ยังคงท่าทีค่อยเป็นค่อยไปในการขึ้นดอกเบี้ยและลด QE รวมไปถึงความเสี่ยงเรื่อง Unwind Carry Trade ที่จบลงแล้ว
- นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยเป็นประโยชน์กับกลุ่มธนาคาร ที่ผ่านมาประมาณการกำไรกลุ่มธนาคารถูกปรับขึ้น ขณะที่ Price to Book อยู่ในระดับต่ำ
ตลาดหุ้นจีน
- คงมุมมอง Slightly Positive หุ้นจีน H-Shares และคงมุมมอง Neutral หุ้นจีน A-Shares
- รัฐบาลจีนมีนโยบายที่ผ่อนคลายอย่างชัดเจนมากขึ้นและสนับสนุนภาคธุรกิจ
- ด้านภาคอสังหาฯ ยังไม่ฟื้นตัว รัฐบาลช่วยเหลือเพียงรักษาเสถียรภาพด้านราคา แต่ความกังวลปัญหาอสังหาฯ ต่อตลาดหุ้นน่าจะผ่านจุดเลวร้ายสุดไปแล้ว โดยอิงจากกรณีศึกษาของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ
- เราชอบหุ้นจีน H-Shares มากกว่า โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ จากการเติบโตของกำไรหุ้นเทคโนโลยีจีนขนาดใหญ่ที่น่าสนใจกว่า จากปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว และได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นบริโภค รวมถึงกฏระเบียบที่ผ่อนคลายลงจะช่วยให้เพิ่มส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น
- ขณะที่หุ้นจีน A-Shares ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Old Economy และการเติบโตไม่โดดเด่น
- Valuation หุ้นจีน H-Shares แพงกว่าในอดีต แต่มาจากโครงสร้างตลาดหุ้นที่มีน้ำหนักหุ้นเทคโนโลยีมากขึ้น
- แนะนำทยอยสะสมกองทุน MEGA10CHINA-A
ตลาดหุ้นอินเดีย
- คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นอินเดีย โดยแนะนำกองทุน TISCOINA-A และ B-BHARATA
- เศรษฐกิจอินเดียยังได้แรงหนุนจาก Domestic Demand ที่แข็งแกร่ง Composite PMI ล่าสุดทำสถิติสูงสุดในรอบ 17 ปี ภาคบริการเติบโตแรงสุดตั้งแต่ปี 2010 และการผลิตโตเร็วสุดในรอบ 5 ปี
- แม้จะถูกกดดันจาก US Tariffs แต่การส่งออกคิดเพียง 2.1% ของ GDP Earnings Revision ลดลงต่อเนื่อง แต่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลง
- ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับ Emerging Markets อื่นๆ Foreign Flow ไหลออกต่อเนื่องตั้งแต่ ก.ค.
- อย่างไรก็ดี S&P Global ปรับเพิ่มเครดิตเรตติ้งของอินเดียครั้งแรกในรอบ 18 ปี และ GST Reform เหลือ 2 อัตราภาษี ซึ่ง IDFC FIRST Bank คาดช่วยหนุนกำลังซื้อและ Nominal GDP ได้ราว 0.6%
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้
- คงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นเกาหลีใต้ โดยแนะนำคงสัดส่วนกองทุน SCBKEQTG และ DAOL-KOREAEQ
- ตลาดหุ้นเกาหลีได้แรงหนุนจาก Value-Up Program ที่ช่วยลดปัญหา “Korea Discount” และเพิ่มอำนาจผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ทำให้ Valuation ปรับตัวขึ้นและใกล้ค่าเฉลี่ย 10 ปี
- ขณะที่การปรับประมาณการกำไรยังทรงตัว จึงทำให้ Upside ระยะสั้นจำกัด แต่การทำ Buyback อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี และกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่องตั้งแต่เมษายน
- ความเสี่ยงหลักคือการเพิกถอนสถานะ VEU ของ Samsung และ Hynix สิ้นปี 2025 ซึ่งอาจกระทบ supply chain โดยเฉพาะ Hynix ที่มีโรงงานในจีนกว่า 1/3 ของการผลิต
ตลาดหุ้นไทย
- คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นไทย
- นักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นต่อเนื่อง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ฟื้นตัว ยอดสินเชื่อยังหดตัว ขณะที่ Business Survey Index เริ่มปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการทำ Share Buyback สูงสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนบริษัทจดทะเบียนเริ่มมองว่า Valuation ของบริษัทตนเองเริ่มน่าสนใจ
- การเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลาย ด้าน Valuation ของตลาดยังถูก แต่ประมาณการกำไรถูกปรับลงต่อ
- อย่างไรก็ตาม Dividend Yield ยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นปันผลสูง
- เราแนะนำกองทุน TISCOHD-A ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นปันผลสูง และแนะนำกลยุทธ์แบบ Selective & Dynamic ในหุ้นที่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นไม่อิงหุ้นดัชนีอย่าง Definit SET Select
ตลาดหุ้นเวียดนาม
- ปรับลดมุมมองหุ้นเวียดนามสู่ Neutral จาก Slightly Positive จับตา (wait & see) การ Upgrade สถานะตลาดสู่ EM Market โดยแนะนำถือกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A และ KKP VGF-UI*
- ตลาดหุ้นเวียดนามยังปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นปี แต่แรงขับเคลื่อนกระจุกในหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะหุ้น Vingroup, Vinhomes และ VRE ขณะที่เงินทุนที่ใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Room margin) ของโบรกเกอร์ลดลงเหลือ 45.6% ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2022 สะท้อนการใช้ leverage ที่เพิ่มขึ้น และเป็น Pattern ที่เคยนำไปสู่แรงขายหลัง all-time high แต่ในอดีตเมื่อ Room Margin เคยแตะระดับต่ำสุดที่ 30%
- ดัชนี Manufacturing PMI ฟื้นตัว โดยคำสั่งซื้อใหม่ (domestic) ดีขึ้น แต่การส่งออกยังอ่อนแอต่อเนื่องจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ
- การ Upgrade สถานะตลาดสู่ EM Market ของ FTSE ในเดือน ต.ค. มีความเป็นไปได้มากขึ้น แต่ตลาดหุ้นอาจเผชิญแรงขายระยะสั้น (Sell on fact) ขณะที่วันที่ดัชนีมีผล (Effective Date) ของการอัพเกรดเร็วสุดคือเดือนมี.ค. 2026 และจะมี Foreign Flow มาเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นเวียดนามต่อ
(*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน)
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย
- เรามีมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นอินโดนีเซีย
- โดยอินโดนีเซียเผชิญแรงกดดันจากการประท้วงการเมืองและสังคม แต่มองว่าเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น การปรับลดประมาณการกำไรยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่ Valuation อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศ EM อื่น ๆ
- แนวโน้ม GDP Growth ปี 2025 ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของ BI ที่ 4.6–5.4% ขณะที่ Bank Indonesia เดินหน้าลดดอกเบี้ยรวม 125 bps ตั้งแต่ ก.ย. 2024 ถึงปัจจุบัน เหลือ 5.0% ซึ่งสร้างความประหลาดใจเชิงบวกต่อตลาด กระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลออกตั้งแต่ปลายปี 2024 และกองทุนหุ้นส่วนใหญ่ลงทุนในกลุ่มการเงินซึ่งยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน
ตราสารหนี้โลก
- คงมุมมอง Positive ต่อตราสารหนี้โลก โดยระดับ Bond Yield ที่ยังสูง ช่วยทำให้ Carry Yield จากการถือตราสารหนี้โลกยังน่าสนใจ
- ขณะที่ Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในอนาคตแม้อาจไม่ได้รีบลด แต่ยังเป็น Upside ต่อตราสารหนี้ Corporate spread ทั้ง Investment Grade Bond และ High Yield Bond อยู่ในระดับที่ตึงตัวมาก
- แนะนำเลือกลงทุนกลยุทธ์ Selective ในตราสารหนี้คุณภาพอย่างกองทุน K-GDBOND-A(A)
ตราสารหนี้ไทย
- คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตราสารหนี้ไทย
- ตลาดคาดการณ์ว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยต่ออย่างน้อยอีก 2 ครั้งในปีนี้ สะท้อนผ่าน Bond yield อายุ 2 ปี และ Implied forward rate ที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีสภาพคล่องสูงแต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน สะท้อนว่าสภาพคล่องที่เหลืออาจถูกนำไปลงทุนในพันธบัตรแล้ว จึงหนุน demand ฝั่งพันธบัตรรัฐบาลและช่วยกด Bond yield ลงในช่วงที่ผ่านมา
- ขณะที่ตราสารหนี้อายุยาวมีความเสี่ยง Term premium ที่อาจเพิ่มขึ้น จาก Business Sentiment Index ที่มีแนวโน้มดีขึ้น นักลงทุนเข้าสู่ภาวะ Flight to Quality โดย Credit rating ระดับ AAA/AA มี Spread แคบ และหุ้นกู้เอกชนยังมีความเสี่ยงเฉพาะตัว
- จึงควรใช้กลยุทธ์ Selective Buy ในกองทุน/หุ้นกู้เอกชนโดยให้น้ำหนักกับบริษัทที่มี Credit Rating แข็งแกร่งเพื่อรักษาสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
- แนะนำทยอยสะสมกองทุนที่มี Duration ประมาณ 1-3 ปี และเลือกหุ้นกู้คุณภาพดี อย่างกองทุน KFAFIX-A
ทองคำ
- คงมุมมอง Slightly Positive ต่อทองคำ
- เนื่องจากทองคำยังมีแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางกลุ่มประเทศ BRICS และยังได้ปัจจัยสนับสนุนจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่
- แนะนำทยอยสะสมกองทุน KT-GOLDUH-A และกองทุน K-GOLD-A(A)
หุ้น Health Care
- ปรับมุมมองหุ้น Global Healthcare สู่ Slightly Positive จากเดิม Neutral
- ถึงแม้จะยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องการกำหนดเพดานราคายาที่ขายในสหรัฐฯ แต่ราคาหุ้นกลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตยาสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงนี้ สะท้อนว่าตลาดอาจไม่ได้ให้น้ำหนักกับปัจจัยนี้มากเหมือนก่อนหน้านี้
- ราคาหุ้น Eli Lilly (LLY) ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ หลังจากผลทดสอบของยา Orforglipron ซึ่งเป็นยา GLP-1 ตัวใหม่ ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาด อย่างไรก็ดีบริษัท ยังเชื่อมั่นว่า Orforglipron จะยังสามารถเป็นแหล่งรายได้ใหม่ เนื่องจากเป็นยา GLP-1 ที่ผลิตได้ง่ายกว่า และเป็นยาแบบรับประทาน ทำให้บริโภคได้ง่ายกว่ายาตัวก่อนหน้า ที่เป็นเข็มฉีด
- ด้าน Earnings Revision ของดัชนี MSCI World Health Care เริ่มกลับมาถูกปรับขึ้น หลังจากช่วงกลางปีมีการปรับลง สะท้อนถึง outlook ของนักวิเคราะห์ที่มองหุ้นกลุ่มนี้ดีขึ้นกว่าช่วงกลางปี ในขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเกินไป
- แนะนำทยอยสะสมกองทุน ES-HEALTHCARE และกองทุน KKP GHC-A
โครงสร้างพื้นฐานโลก
- คงมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้นโครงสร้างพื้นฐานโลก ซึ่งมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นโลก เนื่องจากเน้นลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่มีรายได้มั่นคงและมักปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ
- สภาพแวดล้อมดอกเบี้ยทรงตัวหรือขาลงยังเป็นบวกต่อธีมนี้ ในระยะยาวการเติบโตของกำไรอยู่ที่ ~4.7% ใกล้ค่าเฉลี่ย ขณะที่ Dividend Yield สูงกว่าหุ้นโลก และ Valuation ต่ำกว่า MSCI World
- โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุน KKP GINFRAEQ-H ซึ่งได้ประโยชน์จากการขึ้นค่าน้ำและค่าไฟในอังกฤษ และ Outperform ดัชนี MSCI World Infrastructure
ดาวน์โหลดฟรี!
“สไลด์มุมมองการลงทุนกันยายน 2025”
ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ
- ES-GAINCOME
- K-GPINUH-A
- ASP-NGF
- MEGA10CHINA-A
- TISCOINA-A
- B-BHARATA
- SCBKEQTG
- TISCOHD-A
- PRINCIPAL VNEQ-A
- KKP VGF-UI
- KT-GOLDUH-A
- K-GOLD-A(A)
- K-GDBOND-A(A)
- ES-HEALTHCARE
- KKP GHC-A
- KKP GINFRAEQ-H
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299
