หุ้น Meta

สรุปหุ้น META ที่สามารถลงทุนผ่าน DR ในชื่อย่อ META01, META06 และ META80 บริษัทผู้พลิกโฉมโซเชียลมีเดีย เจ้าของ Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger พร้อมคว้าโอกาสการลงทุนผ่านกลยุทธ์คัดเลือกหุ้นนอกคุณภาพดี Definit Global Select (DGS)

Meta Platforms (META) ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของ Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger เริ่มต้นจากห้องพักนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2004 Mark Zuckerberg จับมือกับเพื่อน ๆ ของเขา Eduardo Saverin, Dustin Moskovitz และ Chris Hughes ร่วมกันเปิดตัวเว็บไซต์ TheFacebook โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเข้าหากัน

ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook

ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook ทั้ง 4 คน | Source: Eustáquio

ความคิดนี้ไม่เพียงแค่นำเอาประสบการณ์ในวิทยาลัยมาสู่โลกออนไลน์ แต่ยังประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ภายในเดือนแรก นักศึกษาฮาร์วาร์ดกว่าครึ่งสมัครใช้งานแพลตฟอร์มใหม่อย่างล้นหลาม

แต่จริง ๆ แล้วเส้นทางของ Zuckerberg เริ่มต้นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย เมื่อเขาสร้าง Facemash ในปี 2003 เว็บไซต์ที่ให้นักศึกษาจัดอันดับความน่าดึงดูดของเพื่อนผู้หญิง แม้ว่าเว็บไซต์จะถูกปิดภายใน 2 วันเพราะละเมิดกฎมหาวิทยาลัย แต่ความนิยมชั่วข้ามคืน (มีการโหวตกว่า 22,000 ครั้งจากผู้ใช้เพียง 450 คน) กลับกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ Zuckerberg เดินหน้าจดโดเมน thefacebook.com ในต้นปี 2004

เส้นทางการเติบโต

TheFacebook UI

TheFacebook UI | Source: PCMag

ไม่นานหลังเปิดตัว TheFacebook ก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน โดยปีแรก Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal เข้ามาลงทุน 500,000 ดอลลาร์ 

และต่อมาในปี 2005 VC (Venture Capital) ระดับโลกอย่าง Accel Partners (ปัจจุบันใช้ชื่อว่า Accel) ก็ทุ่มเงินลงทุนเพิ่มถึง 12.7 ล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทมีมูลค่าเกือบ 100 ล้านดอลลาร์ 

ในปีเดียวกันชื่อแพลตฟอร์มก็ถูกย่อเหลือเพียง Facebook หลังจากซื้อโดเมนใหม่ในราคา 200,000 ดอลลาร์

จากเดิมที่เคยจำกัดอยู่แค่ในมหาวิทยาลัย Facebook ก็ค่อย ๆ เปิดกว้างไปยังบริษัทต่าง ๆ และในที่สุด เดือนกันยายน 2006 ก็เปิดให้ทุกคนที่มีอายุเกิน 13 ปีและมีอีเมลถูกต้องสามารถสมัครได้ ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2006 Facebook มีผู้ใช้ทะลุ 12 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 ล้านคนในปี 2008

ฟีเจอร์เปลี่ยนโลก

พัฒนาการฟีเจอร์ของ Facebook

พัฒนาการฟีเจอร์ของ Facebook | Source: E! News

สิ่งที่ทำให้ Facebook แตกต่าง ไม่ได้มีเพียงการเชื่อมโยงเพื่อน ๆ ให้ใกล้ชิดกัน แต่ยังปฏิวัติรูปแบบการสื่อสารและการโฆษณา หลังจากร่วมมือกับ Microsoft เพื่อนำโฆษณาออนไลน์เข้ามา Facebook ก็ทยอยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น Facebook Wall, Chat, Marketplace, การแท็กในรูปภาพ, News Feed (2006) และ ปุ่ม Like (2009) ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่เพียงเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้ แต่ยังนิยามโซเชียลมีเดียในแบบที่เรารู้จักกันมาจนถึงปัจจุบัน

ปีแห่งการก้าวกระโดด

Facebook IPO

Facebook IPO | Source: Fortune

ปี 2012 คือก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ก่อนการเข้าตลาดหุ้น (IPO) Facebook เข้าซื้อ Instagram ด้วยมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่อมากลายเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Silicon Valley 

หลังจากที่ Facebook เข้าตลาดหุ้น ก็ระดมทุนได้ถึง 16,000 ล้านดอลลาร์ สร้างอีกหนึ่งสถิติขึ้นแท่นเป็นหนึ่งใน IPO ที่มีมูลค่าสูงสุดในสหรัฐฯ ณ เวลานั้น

ต่อมาในปี 2014 บริษัทได้ทุ่มซื้อ WhatsApp และ Oculus VR เพื่อขยายอาณาจักรให้ไกลกว่าการเป็นโซเชียลแพลตฟอร์ม

ผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก

แม้ใครหลายคนจะมองว่า Facebook ไม่บูมเหมือนเดิม แต่ตัวเลขกลับสะท้อนอีกมุมหนึ่ง

จำนวนผู้ใช้งาน Facebook

จำนวนผู้ใช้งาน Facebook ตั้งแต่ 2008 – 2023 | Source: Statista

ปัจจุบัน Meta มีผู้ใช้อย่างน้อยหนึ่งแพลตฟอร์มต่อวันกว่า 3,240 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด ถือเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโฃก

นอกจากนี้ Facebook Marketplace ยังมีผู้ใช้งานต่อเดือนเกิน 1,000 ล้าน ส่วน WhatsApp มีผู้ใช้มากกว่า 2,000 ล้าน โดยเฉพาะในอินเดียและบราซิล ที่แทบจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับประเทศ

จาก Facebook สู่ Meta

ในเดือนตุลาคม 2021 Zuckerberg ประกาศรีแบรนด์บริษัทเป็น Meta เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ นั่นคือการสร้าง Metaverse โลกเสมือนที่เชื่อม VR และ AR เข้ากับชีวิตจริง แม้การลงทุนมหาศาลจะยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่หวัง (ขาดทุนกว่า 13,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2022) แต่ก็แสดงให้เห็นว่า Meta ต้องการไปไกลกว่าการเป็นเพียงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา Zuckerberg เริ่มมุ่งความสนใจไปที่ Generative AI โดยตั้งเป้าพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ “สร้างสรรค์และแสดงออก” ได้อย่างเต็มที่ 

ล่าสุด Meta ได้เข้าถือหุ้น 49% ใน Scale AI ด้วยมูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมพัฒนาโมเดล AI ใหม่ ๆ อย่าง Llama และ Behemoth

ผลประกอบการ Meta ในปัจจุบัน

ผลประกอบการ Meta

ผลประกอบการ Q2/2025 ของ Meta | Source: App Economy Insights

Meta ยังคงแสดงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปี 2025 โดยรายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 47,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิ อยู่ที่ 18,300 ล้านดอลลาร์ มาร์จิ้นสูงถึง 39% เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน

โครงสร้างรายได้หลัก

  • Family of Apps (FoA) 47,100 ล้านดอลลาร์ (+22% YoY)
    • รายได้จากโฆษณา 46,600 ล้านดอลลาร์ (+21% YoY)
    • รายได้อื่น ๆ 600 ล้านดอลลาร์ (+50% YoY)
  • Reality Labs (RL) 400 ล้านดอลลาร์ (+5% YoY)

ค่าใช้จ่ายและกำไร

  • ต้นทุนรายได้ (Cost of Revenue) 8,500 ล้านดอลลาร์
  • กำไรขั้นต้น (Gross Profit) 39,000 ล้านดอลลาร์ มาร์จิ้น 82%
  • กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 20,400 ล้านดอลลาร์ มาร์จิ้น 43% เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operating expenses) 18,600 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น
    • ค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) 12,900 ล้านดอลลาร์
    • ค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาด (S&M) 3,000 ล้านดอลลาร์
    • ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและทั่วไป (G&A) 2,700 ล้านดอลลาร์

จากจุดเริ่มต้นในห้องพักนักศึกษาที่ฮาร์วาร์ด สู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก วันนี้ Meta ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่กำลัง “บุกเบิกโลกดิจิทัลด้วย AI และ Metaverse” พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้คนสร้างสรรค์และเชื่อมต่อกันอย่างไร้ขีดจำกัด

โอกาสลงทุนหุ้น Meta ผ่าน Definit Global Select (DGS) กลยุทธ์ลงทุน DR คัดหุ้นนอกคุณภาพ จัดพอร์ตให้อัตโนมัติ ไม่ต้องจับจังหวะลงทุนเอง

สนใจลงทุน คลิกเลย


อ้างอิง: Britannica, Big 3 Media, Quartr, Fortune, App Economy Insights

Tax Cal