ก่อนจะมาเป็นนักวิเคราะห์การเงินอันดับ 1 ของประเทศไทย "ผมพ่ายแพ้เป็นเวลา 14 ปีติด"

ตั้งแต่เรียนมัธยมจนผมอายุ 27 ผมตามหาอาชีพในฝันมาตลอด ในที่สุดผมก็หามันเจอในปี 1993 ที่กรุงเทพ ฯ ประเทศไทย ในตอนนั้นผมได้เป็นนักวิเคราะห์การเงินในตลาดหลักทรัพย์

สิ่งที่ผมชอบในอาชีพนี้คือมันมีหลายอย่างให้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับการเงิน ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ เป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดไม่สิ้นสุด ผมทำงานสายนี้มามากกว่า 20 ปีแล้ว ผมก็ยังรู้สึกว่าผมรู้อะไรน้อยมาก ช่วงแรกที่ผมเริ่มทำอาชีพนี้ ผมแทบจะไม่มีความรู้อะไรเลย ถึงแม้ผมจะเรียนจบด้านการเงินมา ความจริงก็คือยิ่งคุณได้เรียนรู้อะไรมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วความรู้ที่คุณมีนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณยังไม่รู้

ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน ผมมั่นใจว่านี่คืออาชีพในฝันของผม ผมตั้งใจไปทำงานก่อนเวลาทุกวัน เพื่อที่จะไปอ่านข่าวที่น่าสนใจของวันนั้น ๆ จดสรุป และพรีเซนต์ให้ฝ่ายขายฟัง ในตอนนั้นผมยังไม่มีความรู้เรื่องหุ้น เพราะผมยังใหม่กับงานมาก

คนที่รับผมเข้าทำงาน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของตลาดหุ้น ผมโชคดีมากที่ได้เจอหัวหน้าที่มีความรู้ และต้องการที่จะถ่ายทอดความรู้ที่เขามีให้กับคนอื่น ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้ทำงานกับหัวหน้าของผม เขาสอนผมให้เป็นนักวิเคราะห์ทางการเงิน และแน่นอนว่าผมกับหัวหน้าก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่จนถึงทุกวันนี้

ก่อนจะมาเป็นนักวิเคราะห์การเงินอันดับ 1 ของประเทศไทย "ผมพ่ายแพ้เป็นเวลา 14 ปีติด"

ผมยังจำได้ดีว่าช่วงเดือนแรก ๆ ที่ผมทำงานกับเขา ผมบอกเขาว่าผมอยากจะเป็นนักวิเคราะห์ทางการเงินอันดับ 1 ของประเทศไทย เขายิ้มให้ผมและบอกว่า “คุณทำได้แน่” ผมยังจำคำพูดนั้นได้ดี

ในทุก ๆ ปี จะมีการจัดอันดับนักวิเคราะห์การเงินโดยผู้จัดการกองทุน ชื่อของผมไม่เคยติดอันดับเลยเป็นเวลาหลายปีด้วยกัน เพราะในตอนนั้นผมยังขาดประสบการณ์ ผมไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก และผมยังไม่รู้จักผู้จัดการกองทุน เมื่อเวลาผ่านไป ชื่อของผมเริ่มปรากฏขึ้นในรายชื่ออันดับล่าง ๆ จนกระทั่งปี 2008 ผมได้รับเลือกให้เป็นนักวิเคราะห์การเงินอันดับ 1 ของประเทศไทย ในที่สุดผมก็ทำได้ หลังจากผ่านไป 15 ปีแห่งการทำงานหนัก

สิ่งที่สำคัญที่สุดกลับไม่ใช่การที่ผมได้รับเลือกให้เป็นนักวิเคราะห์การเงินอันดับ 1 ในปี 2008 แต่มันคือการที่ผมพ่ายแพ้มาตลอด 14 ปี แต่ผมไม่เคยยอมแพ้ จนกระทั่งในปีที่ 15 ปีที่ผมได้รับชัยชนะที่ผมต่อสู้มานาน

สำหรับผมสิ่งที่ผมเรียนรู้จากเรื่องนี้คือ การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน เชื่อมั่นว่าคุณต้องทำได้ โฟกัสกับมัน ทำซ้ำ ๆ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป้าหมายได้ถ้าจำเป็น และต้องทำให้ดีขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เตรียมพร้อมที่จะล้มเหลว แต่ไม่ว่าคุณจะล้มสักกี่ครั้ง จงอย่ายอมแพ้ เพราะยิ่งคุณล้มมากเท่าไหร่ คุณก็ใช้มันเป็นแรงผลักดันให้คุณก้าวต่อไป ให้คุณพร้อมที่จะล้มต่อไป แต่จงอย่าหยุดที่จะเรียนรู้จากมัน

ก่อนจะมาเป็นนักวิเคราะห์การเงินอันดับ 1 ของประเทศไทย "ผมพ่ายแพ้เป็นเวลา 14 ปีติด"

ประสบการณ์ในครั้งนั้นสอนให้ผมรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ และไม่ยอมแพ้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสอนให้ผมเป็นนักลงทุนที่ดีกว่าเดิม เพราะการลงทุนมันคือการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องโดยมีกลยุทธ์และเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งในการลงทุน แน่นอนว่าเราต้องขาดทุนบ้างบางครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำอย่างไรก็ได้ให้ขาดทุนน้อยที่สุด และเรียนรู้จากมันให้ได้มากที่สุด

ในความเป็นจริง คุณสามารถขาดทุนได้ 9 ใน 10 ครั้งในการลงทุน ตราบใดที่ 9 ครั้งนั้นเป็นการขาดทุนเพียงเล็กน้อย แต่ครั้งที่ 10 เป็นครั้งที่ได้กำไรเยอะ ทั้งหมดที่เล่ามานั้นไม่ใช่กลยุทธ์หรืออะไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมูลค่าผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อครบกำหนดระยะเวลาลงทุน (terminal wealth) ไม่ใช่กลยุทธ์ในการลงทุน หลาย ๆ กลยุทธ์การลงทุนนั้นทำผลงานได้ไม่ดีนัก

คุณคงเคยได้ยินมาบ่อยแล้ว แต่น้อยคนนักที่สามารถมองการณ์ไกล คิดในระยะยาว ที่จะทำตามกลยุทธ์ในการลงทุนที่ว่าไว้ แม้ว่าพอร์ตของคุณดูจะไปได้ไม่สวยนัก จงอย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากมัน ถ้าคุณทำได้มันก็จะไม่ยากเลยที่จะเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้น

อยากเรียนรู้มากกว่านี้ ต้องทำอย่างไร ?

ผมมีคอร์สที่จะสอนคุณทุกอย่างในการประเมินมูลค่าหุ้น ไปจนถึงการเริ่มต้นอาชีพในสายการเงิน มาเรียนคอร์ส Valuation Master Class Boot Camp กันได้เลย

พิมพ์ FINNOMENA เพื่อเป็นส่วนลดพิเศษได้ถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มาบทความ: https://becomeabetterinvestor.net/i-lost-for-14-years-in-a-row/