7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

หลายคนที่เริ่มสนใจลงทุนใน Cryptocurrency คงคุ้นเคยกันดีกับคำว่า Bitcoin แต่สงสัยกันหรือไม่ ว่าทำไมใคร ๆ ก็ต่างแนะนำให้มือใหม่เริ่มศึกษาจากบิตคอยน์ หรือเริ่มลงทุนกับบิตคอยน์ก่อน?

ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจถึงจุดเด่นหรือเรื่องที่ต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุนในบิตคอยน์ ทั้ง 7 ข้อต่อไปนี้!

1. Bitcoin เป็นคริปโตสกุลแรกของโลก

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

บิตคอยน์ (Bitcoin) คือคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) “สกุลแรกของโลก” และมีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดคริปโต ณ ปัจจุบัน สามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง หมายความว่า แม้จะอยู่ประเทศไหนบนโลกก็สามารถทำธุรกรรมทางการเงินข้ามประเทศได้ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต และที่สำคัญค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมนั้นถือว่าถูกมาก หากเทียบกับการทำธุรกรรมผ่านตัวกลาง

2. ใช้บล็อกเชนในการทำงาน

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

บิตคอยน์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในการบันทึกธุรกรรม โดยบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากที่สุด มีหลักการทำงานแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่สำเนาของข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย และระบบจะมีการตรวจสอบให้ข้อมูลทุกเครื่องตรงกันอยู่เสมอ จึงยากต่อการปลอมแปลงข้อมูล และสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส

การจะแฮกข้อมูลในเครือข่ายบล็อกเชน ผู้แฮกหรือผู้ไม่ประสงค์ดีต้องแฮกคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายให้ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้น บิตคอยน์ที่สร้างอยู่บนบล็อกเชนจึงถือเป็นธุรกรรมที่มีความปลอดภัยสูงมาก เรียกได้ว่าตั้งแต่เกิดบิตคอยน์ขึ้นมายังไม่มีใครสามารถปลอมแปลงข้อมูลในบล็อกเชนได้เลย

3. ไม่มีใครทราบตัวตนผู้สร้าง Bitcoin

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

บิตคอยน์ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 โดยผู้สร้างที่ใช้นามแฝงว่า “ซาโตชิ นากาโมโต (Satoshi Nakamoto)” จุดประสงค์ของเขาคือต้องการสร้างสกุลเงินที่เป็นอิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง

แม้เขาจะเป็นถึงผู้สร้างเหรียญบิตคอยน์ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบตัวตนที่แท้จริงของเขา ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าซาโตชิเป็นบุคคลหรือเป็นกลุ่มบุคคลกันแน่

มีหลายคนตั้งข้อสงสัยในตัวซาโตชิด้วยเหตุผลต่าง ๆ ข้อสงสัยนี้ทำให้เหล่านักสืบออนไลน์จากทั่วทุกมุมโลกพยายามสืบหาตัวตนที่แท้จริงของซาโตชิ แต่ก็ยังมีไม่ใครทำสำเร็จ แม้จะมีบางคนที่อ้างตนว่าคือซาโตชิตัวจริง แต่ก็ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนและยังไม่เป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการ ทำให้ปริศนานี้ยังไม่ถูกเปิดออกแม้จะผ่านมากว่า 12 ปีแล้วก็ตาม

อนึ่ง บางคนได้ตั้งข้อสังเกตุว่า สาเหตุที่ซาโตชิไม่ยอมออกมาเปิดเผยตัวตน อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าจะทำให้บิตคอยน์สูญเสียความกระจายศูนย์ (Decentralization) เนื่องจากถ้าทุกคนรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา สื่อต่าง ๆ ก็จะมุ่งเป้าหมายตัวซาโตชิ ตลาดก็จะให้ความสำคัญกับคำพูดของเขาแต่เพียงคนเดียว ซึ่งขัดแย้งกับหลักการกระจายศูนย์ของบิตคอยน์

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

4. บิตคอยน์มีจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

บิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาให้มีจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ เพราะว่าผู้สร้างบิตคอยน์ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า หากบิตคอยน์มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีจำกัด อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และจะทำให้มูลค่าของบิตคอยน์ลดลงจนหายไปจากตลาดได้ ดังนั้นการจำกัดจำนวนเหรียญบิตคอยน์จึงเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคต และด้วยคุณสมบัติที่มีอยู่อย่างจำกัดของบิตคอยน์นี้เองจะทำให้มูลค่าของบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตนั่นเอง

ปัจจุบัน บิตคอยน์ถูกขุดขึ้นมาแล้วกว่า 18 ล้านเหรียญ เหลืออีกเพียงไม่ถึง 3 ล้านเหรียญเท่านั้น โดยคาดการณ์ว่าจะถูกขุดขึ้นมาครบ 21 ล้านเหรียญ ในปี ค.ศ. 2140 หรืออีก 119 ปีนั่นเอง

เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่สงสัยว่าหากขุดบิตคอยน์ขึ้นมาครบ 21 ล้านเหรียญ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป เรื่องนี้ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ มูลค่าของบิตคอยน์อาจพุ่งสูงยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดและต้องใช้หมุนเวียนในตลาด ทำให้บิตคอยน์ยังเป็นเจ้าแห่งวงการคริปโตต่อไป หรือในทางกลับกันมูลค่าที่สูงและความหายากอาจทำให้เหล่านักล่าบิตคอยน์หันไปสนใจเหรียญสกุลอื่นมากขึ้น จนทำให้บิตคอยน์เสียตำแหน่งก็เป็นไปได้ จึงต้องจับตาดูกันต่อไป

5. เป็นต้นแบบให้คริปโตสกุลอื่น ๆ

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

บิตคอยน์ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จและเป็นคริปโตที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่สนใจและยอมรับให้เงินดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น และต้องยอมรับว่าความสำเร็จของบิตคอยน์ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเหรียญดิจิทัลสกุลอื่น ๆ ตามมามากมายหลายพันสกุลทั่วโลก ที่เรียกกันว่า  “Altcoin” (Alternative Coin) หรือเป็นสกุลเงินทางเลือกที่มีขึ้นมาสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในเหรียญสกุลอื่นนอกจากบิตคอยน์

ปัจจุบัน Altcoin หลายสกุลก็เป็นที่โด่งดังในตลาดคริปโตและได้รับความสนใจไม่แพ้บิตคอยน์ เช่น Ethereum (ETH), Tether (USDT), Dogecoin (DOGE) ก็ได้รับความนิยมตามกันมาติด ๆ

6. ทุก 4 ปีจะมีเหตุการณ์สำคัญ

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

“Bitcoin Halving” เป็นกฎเกณฑ์ที่ผู้สร้างบิตคอยน์ “ซาโตชิ นากาโมโต” ได้กำหนดขึ้นมา โดยทุก ๆ 210,000 บล็อกที่สร้างขึ้น จะเกิดการ Halving ซึ่งก็คือการลดจำนวน “Block Reward” ที่เป็นเงินรางวัลของนักขุดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งค่าตอบแทนนี้ก็คือเหรียญบิตคอยน์ที่เกิดขึ้นมาใหม่นั่นเอง

โดยประมาณแล้ว นักขุดจะใช้เวลา 10 นาทีต่อการสร้าง 1 บล็อก หมายความว่า 210,000 บล็อก จะถูกสร้างขึ้นภายใน 2,100,000 นาที หรือคิดเป็นประมาณ 4 ปีที่จะเกิดปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ขึ้น หากนับตั้งแต่ปี 2009 ที่บิตคอยน์เกิดขึ้นมา จนถึงปัจจุบัน ก็ได้เกิดปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน แต่ละครั้ง Block Reward ก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่ 50 BTC/Block ลดลงเหลือเพียง 6.25 BTC/Block ในปัจจุบันเท่านั้น

หลายคนอาจสงสัยว่าหาก Block Reward ลดลงทุก ๆ 4 ปีเช่นนี้ แล้วอนาคตบิตคอยน์จะปิดตัวลงหรือไม่ ค่าตอบแทนที่น้อยลงจะทำให้นักขุดวางมือออกจากวงการไปหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่เลย บิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีหลักการคล้ายกับทอง ในช่วงแรกบิตคอยน์จะถูกขุดออกมาได้ง่ายและเยอะ จากนั้นจะค่อย ๆ ลดน้อยลง เช่นเดียวกับทองคำที่ช่วงแรกการขุดเหมืองหนึ่งครั้งก็ได้ทองมาเป็นกอบเป็นกำ แต่ภายหลังกลับได้น้อยลง แต่มูลค่าในตลาดก็สูงขึ้นเช่นกัน บิตคอยน์เองก็เป็นเช่นนั้น ยิ่งหายากมากเท่าไหร่ ราคาในตลาดก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น เหตุนี้เองซาโตชิ นากาโมโตจึงได้สร้างกฏให้ Bitcoin Halving เกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปีนั่นเอง

7. เป็นคริปโตที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นอันดับที่ 1

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin

บิตคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีส่วนแบ่งในตลาดสูงสุด เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งวงการคริปโตเลยก็ว่าได้ สาเหตุที่บิตคอยน์ได้ฉายาเช่นนั้น เพราะปัจจุบันส่วนแบ่งทางการตลาดของบิตคอยน์ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ coinmarketcap.com) มีส่วนแบ่งสูงถึง 46.69%  แม้จะลดลงจากเดิมเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนในตลาดแล้วถือว่าบิตคอยน์ยังครองตลาดเป็นอันดับที่ 1 และทิ้งห่างเหรียญสกุลอื่นอย่างไม่เห็นฝุ่น และด้วยเหตุนี้เองทำให้บิตคอยน์นั้นถูกมองเป็นกระจกที่สะท้อนภาพรวมของตลาดคริปโตทั้งหมด เมื่อราคาบิตคอยน์มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ย่อมส่งผลต่อ Altcoin ในตลาดเกือบทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่า Altcoin จะผันแปรตาม Bitcoin เสมอไป อาจมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม เช่นการไหลของเงิน (Fund Flow) เทคโนโลยี กระแสข่าว หรือกระแสโซเชียล เป็นต้น จึงต้องศึกษาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมก่อนการลงทุน

Bitkub.com