รู้จัก Shanghai Hard Fork การอัปเกรดครั้งต่อไปของ Ethereum

จากปี 2022 ที่ผ่านมาการอัปเกรดที่ชื่อว่า The Merge ของ Ethereum ได้ประสบความสำเร็จและสร้างผลลัพธ์อย่างเห็นได้ชัดไปเรียบร้อย โดยเฉพาะในแง่ของการใช้พลังงานที่ลดลงอย่างมหาศาลตามข้อมูลที่ Ethereum ได้เผยแพร่สู่สาธารณะเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมาว่า Ethereum กลายเป็น Green Blockchain (บล็อกเชนสีเขียว) ที่มีกลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Stake ใช้พลังงานไป เพียง ~0.0026 TWh/ปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเครือข่ายอื่นทั่วโลก จึงทำให้ The Merge ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Ethereum เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยี Blockchain ด้วย

รู้จัก Shanghai Hard Fork การอัปเกรดครั้งต่อไปของ Ethereum

ที่มา : ethereum.org/en/energy-consumption, 23 December 2022

หลังจากการอัปเกรด The Merge เสร็จสิ้นลง ในปี 2023 Ethereum จะเข้าสู่กระบวนการอัปเกรดอีกครั้งที่เรียกว่า “Shanghai Hard Fork” ซึ่งบทความนี้จะพาทุกคนมารู้จัก Shanghai Hard Fork การอัปเกรดครั้งต่อไปของ Ethereum กัน

Hard Fork คืออะไร?

Hard fork คือ การที่บล็อกเชนถูกพัฒนาโดยการแยกตัวออกมาเป็นอีกบล็อกเชนหนึ่งอย่างถาวรโดยมีกฎต่าง ๆ ที่ต่างไปจากเดิมบล็อกเชนดั้งเดิม โดยผู้เข้าร่วมหรือนักขุดจะต้องอัปเกรดซอฟต์แวร์สำหรับการใช้งานและตรวจสอบธุรกรรมของบล็อกเชนใหม่นี้ การทำ Hard Fork จะส่งผลและช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของบล็อกเชน ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย การแก้ไขจุดบกพร่องหรือข้อจำกัดที่มีจากเวอร์ชันก่อนหน้า

การ Fork แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Hard Fork และ Soft Fork โดย Soft Fork คือการอัปเกรดที่ยังสามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายเดิมได้ ในขณะที่ Hard Fork คือการอัปเกรดที่แยกออกมาเป็นอีกเครือข่ายหนึ่ง โดยไม่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายเดิมได้เลย

สาเหตุที่ต้องมีการ Hard Fork เพราะว่าในบางครั้งผู้พัฒนาก็ตั้งใจทำเพื่อแยกออกมาเป็นเครือข่ายทดสอบ (Testnet) เพื่อทดสอบการทำงานของฟังก์ชันใหม่ ๆ ก่อนนำไปใช้จริงบนเครือข่ายหลัก (Mainnet) ซึ่งสำคัญมาก เพราะเครือข่ายบล็อกเชนเมื่อได้รับการอัปเกรดแล้วจะไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปได้อีก

ทำความรู้จัก Shanghai Hard Fork

Shanghai Hard Fork มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ Ethereum Improvement Proposal 4895 เป็นการพัฒนาระบบของ Ethereum โดยคำว่า “Shanghai” หรือ “เซี่ยงไฮ้” เป็นชื่อที่ตั้งให้สอดคล้องกับชื่อตามเมืองเจ้าภาพการประชุม การ Hard Fork ของ Ethereum ที่เคยเกิดขึ้นแล้วคือ Berlin Hard Fork และ London Hard Fork ส่วน Shanghai Hard Fork คือการอัปเกรดที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้

จากครั้ง The Merge ที่ทาง Ethereum ได้มีการเปลี่ยนระบบ Proof-of-Work (PoW) ที่ใช้พลังงานมหาศาลไปเป็นระบบ Proof-of-Stake (PoS) ที่ลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างมากที่ผ่านมา ทำให้การ Hard Fork ในครั้งนี้ถือเป็นการเข้าสู่ PoS อย่างเต็มรูปแบบ

Ethereum Foundation กล่าวว่า เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ผู้พัฒนาก็ได้วางโครงสร้างการอัปเกรดด้วยวิธีนี้เพื่อลดความซับซ้อนและเป็นการเพิ่มจุดสนใจในการโอนย้ายไปที่ Proof-of-Stake เพราะจะส่งผลดีให้ผู้ใช้ stETH สามารถถอนเงินของพวกเขารวมถึงรางวัล staking ที่เกี่ยวข้องได้ การถอนเหรียญบน Ethereum 2.0 อาจมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง แต่ยังมีประเด็นที่สำคัญที่หลายคนกังวลใจกันนั่นก็คือ จำนวน stETH ที่ถูกล็อคไว้บน Beacon chain ของ Ethereum ในปัจจุบันอาจลดลง ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการ Hard Fork ในครั้งนี้เลยก็ว่าได้ โดยจะทำให้อุปทานของเหรียญ stETH มีมากขึ้น จากการขาย stETH ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยทาง Ethereum เองก็ได้มีการกำหนดโปรโตคอลในการเบิกจ่ายไว้ที่ 43,200 ETH ซึ่งน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบใด ๆ ที่จะมีต่อราคาของสกุลเงินดิจิทัล หากเกิดเหตุการณ์เป็นไปตามที่นักลงทุนหลายคนกังวลใจ

กำหนดการ Shanghai Hard Fork

จากการการประชุม Ethereum Core Developers เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้พัฒนามีการเผยแพร่กำหนดการว่า Shanghai Hard Fork จะเริ่มขึ้นช่วงเดือนมีนาคม 2023 และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายนปีเดียวกัน แต่ไม่มีการรับประกันว่าจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่เสนอ เพราะอาจเกิดปัญหาทางด้านเทคนิคขึ้นหรืออาจเกิดปัญหาที่ไม่คาดฝันอื่น ๆ ได้ทุกเมื่อ นักลงทุนควรติดตามข้อมูลและการอัปเดตจากกลุ่มผู้พัฒนาเป็นระยะก่อนการตัดสินใจลงทุน

รู้จัก Shanghai Hard Fork การอัปเกรดครั้งต่อไปของ Ethereum
ที่มา: Ethereum Foundation YouTube Channel

ส่วนหลังจากการอัปเกรด Shanghai จะมีการอัปเกรดครั้งถัดไปที่เรียกว่า Ethereum Improvement Protocol (EIP) 4844 ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม Proto-danksharding ให้กับเครือข่าย และเป็นการอัปเกรดที่จะปรับปรุงความสามารถของเครือข่ายให้สามารถจัดการธุรกรรมได้มากขึ้นด้วย

อ้างอิง:

Bitkub Support, Cointelegraph, Bitkub Academy, SiamBlockchain, Investing

บทความโดย Bitkub.com/blog


คำเตือน

  • คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต
  • ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื้อหาข้างต้นเป็นการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาโดยใช้ข้อมูลในอดีตและเครื่องมือวิเคราะห์ อาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล