เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ London Hard Fork ของ Ethereum

Ethereum (ETH) สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 2 ของโลก เพิ่งมีการอัพเดทสำคัญไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา โดยผู้พัฒนาเรียกการอัพเดทครั้งนี้ว่า London Hard Fork

หลังจากการอัพเดทเสร็จสมบูรณ์ ราคาของ ETH ก็ได้ปรับสูงขึ้นจากแถว 85,000 บาทเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2021 ไปทำระดับสูงสุดที่ 108,500 บาทเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา เรียกว่าปรับขึ้นถึง 27% ภายในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์กว่า ๆ เท่านั้น

การอัพเกรด London Hard Fork คืออะไร? ทำไมถึงส่งผลบวกต่อราคา ETH? เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกันในบทความนี้!

London Hard Fork คืออะไร?

การ Hard Fork คือการแยกเครือข่ายบล็อกเชนใหม่ออกจากเครือข่ายเดิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงระบบต่าง ๆ หรือเพิ่มฟังก์ชันใหม่เข้าไป ซึ่งการ Hard Fork เมื่อแยกเครือข่ายใหม่ออกมาแล้ว จะไม่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายเดิมได้อีกต่อไป ในขณะที่ London เป็นชื่อที่ใช้เรียกการ Hard Fork ครั้งล่าสุดของ Ethereum นั่นเอง

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงใน London Hard Fork

London Hard Fork เป็นหนึ่งในการอัพเดทสำคัญที่ผู้ใช้เครือข่าย Ethereum ให้ความสนใจ โดยมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญกับ Ethereum คือ “การลดจำนวนเหรียญ ETH ที่หมุนเวียนในระบบ”

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนับว่าเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา ETH เลยก็ว่าได้ โดยหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่มากับ London Hard Fork ทางชุมชน Ethereum เรียกว่า EIP-1559 ซึ่งจะเป็นการลดจำนวนเหรียญ ETH ที่หมุนเวียนในระบบ ผ่านการเผาเหรียญส่วนหนึ่งที่จ่ายเป็นค่า Gas ให้กับนักขุดโดยอัตโนมัติ

การเผาเหรียญ (Burn) เปรียบได้กับการทำลายเหรียญ โดยเป็นการโอนเหรียญ ETH ไปยัง Address ที่ไม่สามารถโอนออกมาได้ ทำให้เหรียญที่ถูกโอนเข้าไปหายไปจากระบบอย่างถาวร

เมื่อมีจำนวนเหรียญในระบบ (อุปทาน) น้อยลงแล้ว ตามหลักเศรษฐศาสตร์ เมื่อมีอุปทานน้อยกว่าอุปสงค์ ราคาของสินทรัพย์มักจะสูงขึ้น ประกอบกับการที่เครือข่าย Ethereum ถูกสร้างให้สามารถมีเหรียญ ETH ได้อย่างไม่จำกัด ต่างจาก Bitcoin การอัพเดทครั้งนี้ก็เพื่อควบคุมการเฟ้อของ ETH จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคา ETH สูงขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้นั่นเอง

ทำไมถึงต้องจ่ายค่า Gas

เครือข่าย Ethereum มีสิ่งที่เรียกว่า Smart Contract ซึ่งเปรียบเสมือนโปรแกรมที่ผู้เขียนสามารถกำหนดเงื่อนไขและการดำเนินงานล่วงหน้าได้ เมื่อเงื่อนไขของ Smart Contract ครบ มันก็จะสามารถดำเนินการในขั้นต่อไปโดยอัตโนมัติ

Smart Contract ถูกใช้ในการสร้างแอปพลิเคชันบนเครือข่ายบล็อกเชน ที่เรียกว่า Dapp หรือ DeFi ซึ่งทุกคนที่อยู่ในเครือข่าย Ethereum สามารถตรวจสอบเงือนไขและการทำงานของ Smart Contract ได้ ทำให้การใช้ Smart Contract มีความโปร่งใส และเนื่องจากบล็อกเชนเป็นเครือข่ายแบบ Peer to Peer จึงไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางในการดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการใช้ Dapp หรือ DeFi ผู้ใช้จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นเหรียญ ETH ให้กับนักขุดที่ทำหน้าที่คอยตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันข้อมูล เพื่อทำให้ธุรกรรมประสบความสำเร็จ พร้อมกับรักษาความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของเครือข่าย ซึ่งค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายนี้เรียกว่าค่า Gas นั่นเอง

สรุป

การอัพเดท Ethereum ในชื่อ London Hard Fork เป็นการอัพเดทกฏเกณฑ์ของเครือข่าย โดยกำหนดให้ค่า Gas ส่วนหนึ่งถูกเผา เพื่อเป็นการลดจำนวนเหรียญ ETH ที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้ราคา ETH เพิ่มสูงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

อ้างอิง: CNBC, Coindesk

Bitkub.c0m