หาหุ้นลงทุนกับเทรนด์ Edge Computing ในยุค 5G

การมาถึงของยุค 5G ทำให้ Edge Computing ถูกนำมาใช้งานจริง และเป็นสิ่งที่นักลงทุนอย่างเราต้องค้นหาหุ้นที่จะได้ประโยชน์สูงสุดกับเมกะเทรนด์นี้ เหมือนครั้งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับกลุ่ม Cloud Infrastructure

Edge Computing แบบสั้น ๆ คือ การที่เราพยายามนำระบบประมวลผลที่เคยทำใน Data center ส่วนกลางไปไว้ใกล้ตัวผู้ใช้งานมากขึ้นเพื่อให้ตอบสนองได้ไวขึ้นซึ่งเรียกว่า Edge Data Center และความก้าวหน้าในเทคโนโลยีปัจจุบัน สามารถทำให้ Smart Devices ต่าง ๆ สามารถประมวลผลและตอบสนองกับผู้ใช้งานได้ทันที (เป็น Edge Data Center ขนาดย่อมในตัวของมันเอง) ซึ่งก็คือ “Edge Computing” นั่นเอง

ข้อดีของ Edge Computing

1. ลด Latency (ความหน่วง) เพราะอุปกรณ์สามารถประมวลผลในตัวมันเองได้ หรือถึงจะต้องส่งข้อมูลไปยัง Data center ก็ทำได้เร็วขึ้น เพราะเป็น Edge Data Center แล้ว ดังนั้นการตอบสนองก็จะทำได้รวดเร็วขึ้นต่อเหตุการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งนี่เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญต่อระบบรถยนต์ไร้คนขับมาก

2. ลด Bandwidth ที่ไม่จำเป็น เพราะปริมาณข้อมูลที่ส่งกลับไปที่ Data Center น้อยลง จึงเหลือช่องว่าง Bandwidth ไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นกว่า

3. เพิ่ม Privacy & Security โดยการไม่ต้องส่งข้อมูลออกนอกอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน

จากที่อธิบายข้อดีของ Edge ไปข้างต้น จะเห็นว่า Edge Devices จำเป็นที่จะต้องมีการประมวลผลลัพธ์เบื้องต้นภายในตัวเองได้ โดยอาศัยชิพรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้กลุ่มชิปประมวลผลและ connectivity อยู่ในกลุ่มต้น ๆ ที่น่าสนใจลงทุนในเทรนด์นี้ในช่วงบุกเบิก ก่อนที่จะเป็น Edge Computing Platform ในระยะถัดไป ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ข้อ ดังนี้

1. Edge devices ต้องออกสู่ตลาด และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเสียก่อน ก่อนที่ฝั่ง Edge Platform จะได้ค่าบริการจาก Traffic จะได้ประโยชน์ทีหลัง ซึ่ง Traffic ตรงนี้ก็อาจจะไม่ได้มีปริมาณเท่าเดิมเพราะจำนวนข้อมูลที่ถูกส่งกลับมาน้อยลง

2. จำนวนของอุปกรณ์ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล กระตุ้นการผลิตชิป เมื่อมีความต้องการมาก บริษัทผู้ผลิตชิป มีโอกาสได้ประโยชน์จากทั้ง จำนวนชิปที่ขายได้ และราคาที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยผู้ได้ประโยชน์หลักจะมีทั้งส่วน ผู้ผลิตชิปอุปกรณ์อัจฉริยะอย่าง Qualcomm, MediaTek, Ambarella (ผู้ผลิตชิพ AI Vision ที่กำลังจะถูกนำไปใช้ในรถอัจฉริยะ)

หรือ Qorvo, Skyworks ผู้ผลิตชิ้นส่วนส่งสัญญาณใน Smart Devices ที่ใช้ใน iPhone และมือถือแบรนด์ดังทั้งหมด

3. ฟากโครงสร้างพื้นฐานอย่างระบบรับส่งสัญญาณที่กำลังจะปูพรมติดตั้งในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งในยุค 5G ระบบจะเลยไปถึง Private Network ที่แต่ละโรงงานจะมีระบบสัญญานส่วนตัวเพื่อรองรับปริมาณ data traffic มหาศาลเพื่อมาทำให้ระบบโรงงานอัจฉริยะสมบูรณ์ ซึ่งผู้ได้ประโยชน์เช่น Ericsson, Nokia หรือค่ายจีนจะมี ZTE มาสู้