บทเรียนหุ้นปี 2560 ที่เราต้องรู้!

ปี 2560 เป็นอีกปีที่ “ตลาดหุ้น” ได้ฝากบทเรียนไว้ให้กับนักลงทุนมากมาย เรามาดูกันว่าปีนี้มีอะไรที่เราเรียนรู้ได้บ้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น หุ้น IPO เป็นหุ้นที่ทำกำไรได้ตลอดหรือใหม่? ทำไมหุ้นนางฟ้าจึงตกสวรรค์? การลงทุนที่ไม่เสี่ยงมีจริงหรือไม่? ทำไมหุ้นใหญ่โตช้าหุ้นเล็กโตเร็ว? ในปี 2560 นี้มีเหตุการณ์ที่ตอบคำถามเหล่านี้ได้ชัดเจน…

บทเรียนที่หนึ่ง – หุ้น IPO ไม่ได้ดีเสมอไป

หลายๆคนคิดว่าการได้ซื้อหุ้น IPO นั้นเหมือนกับการได้กำไร “ชัวร์” เพราะในเมื่อได้ซื้อเป็นมือแรกก่อนจะเข้าตลาด ก็ควรจะได้กำไรแน่ๆเป็นหลักหลายเท่า แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่หุ้น IPO ทุกตัวจะทำกำไรให้กับนักลงทุน นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ผมเขียนบทความนี้คือวันที่ 15 ธันวาคม 2560 มีหุ้นใหม่เข้าตลาดมาทั้งสิ้น 34 ตัว จนถึงปัจจุบันหากเราซื้อที่ราคา IPO และขายที่ราคาปิดวันแรกจะกำไรซะเป็นส่วนใหญ่ โดยมีขาดทุนแค่ 2 ตัว แต่ถ้าเราหลงคิดว่ามันดีจริงและถือมาจนถึงปัจจุบัน หุ้นที่ขาดทุนจะมีมากถึง 15 ตัวและขาดทุนมากที่สุดที่ 36% หุ้น IPO ไม่ได้ต่างอะไรกับหุ้นทั่วๆไป ถ้าราคาที่เราซื้อมามันแพงเกินไป สุดท้ายเราก็จะขาดทุน และมีหุ้น IPO ที่ขาดทุนมากถึง 15 ตัวใน 34 ตัวหรือเกือบครึ่งหนึ่ง ! นั่นหมายความว่าราคาที่บริษัทขาย IPO เข้ามานั้น กว่าครึ่งถือว่าเป็นราคาที่ไม่ถูกเลย (เพราะถ้าถูกก็คงไม่ขาดทุนจริงไหม?) ดังนั้นเป็นซื้อหุ้นมือแรกหรือไม่ ไม่เท่าเรารู้ว่าราคาหุ้นที่ขายนั้นเหมาะสมมากแค่ไหน

บทเรียนที่สอง – ฟองสบู่แห่งความคาดหวัง

จงระวังเมื่อราคาหุ้นพุ่งแรงจนดูเหมือนจะเป็นฟองสบู่เพราะมันก็จะเป็นฟองสบู่จริงๆนั่นแหละ หุ้นหลายๆตัวในปีนี้พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ในความเป็นจริงการที่หุ้นจะวิ่งขึ้นมาได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับผลประกอบการหรือกำไรของบริษัทที่เติบโตขึ้นมาด้วย โอกาสที่กำไรของบริษัทต่างๆจะเติบโตอย่างรวดเร็วได้นั้นมีจริงแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดังนั้นการที่หุ้นหลายๆตัวจะมีราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วนั้นส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นเรื่องของความคาดหวัง ไม่ใช่เรื่องของผลประกอบการ เมื่อคนในตลาดคาดหวังในตัวหุ้นตัวหนึ่งมากๆและแห่กันเข้าไปซื้อพร้อมๆกันก็จะช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น หลายๆครั้งผลประกอบการกลับไม่ได้เติบโตตาม หรือเกิดเหตุการณ์ที่ “ผิดคาด” และเมื่อความจริงปรากฏ ความหวังจึงกลายเป็นความ “ผิดหวัง” ทำให้ราคาหุ้นตกลงอย่างแรงได้เช่นกัน ในปี 2560 หุ้นลีซซิ่งตัวหนึ่งที่ตกหนักมากถึง 87% หุ้นตัวนี้เคยเป็นเหมือนหุ้นนางฟ้าที่ขึ้นหลายๆเด้งมาก่อนหน้าที่จะตกลงอย่างหนัก นางฟ้ากลับกลายเป็นนางมาร

บทเรียนที่สาม – การลงทุนมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา และหายนะนั้นใกล้ตัวกว่าที่คิด

ยามหุ้นขึ้นอะไรๆก็ดูดีและสวยหรูไปหมด หุ้นหลายๆตัวมี “เซียน” วิเคราะห์ว่าดีแบบนั้น แกร่งแบบนี้ หลายๆครั้งวิเคราะห์มโนกันไปไกลถึง 10 กว่าปีโดยลืมไปว่าในความเป็นจริงนั้น แค่วันพรุ่งนี้เราก็ไม่รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การจะบอกว่าจะโตแบบนั้นแบบนี้ในอีก 5-10 ปีข้างหน้ามักจะเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมายที่ถูกบดบังด้วยอัคติและความฝันอันสวยหรูของนักลงทุน การลงทุนที่ดีนั้นจะเกิดขึ้นได้จากการมองและวิเคราะห์หุ้นอย่างเป็นกลาง เจาะลึกความแข็งแกร่งและข้อดีแล้ว ก็อย่าลืมวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างละเอียดด้วยหัวใจที่เป็นการและอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงด้วย เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะกำไรมากแค่ไหน ถ้าไม่รู้จักควบคุมความเสี่ยงให้ดี เราจะต้องเจ็บหนักเข้าซักวัน

บทเรียนที่สี่ – หุ้นใหญ่ขึ้นช้าหุ้นเล็กโตเร็ว

แนวคิดนี้มาจากหลักคิดที่ว่าหุ้นเล็กซึ่งก็คือบริษัทเล็กๆนั่นเอง มักจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าบริษัทที่ขนาดใหญ่แล้ว บริษัทอย่าง PTT, SCC หรือ ADVANC เป็นบริษัทที่ใหญ่คับประเทศจนไม่รู้จะโตไปทางไหนย่อมดูน่าเบื่อกว่าบริษัทขนาดเล็กที่โตอย่างรวดเร็ว ทฤษฎีนี้มีความถูกต้องอยู่ไม่น้อย แต่ก็อย่าลืมว่า Growth หรือการเติบโตนั้นเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งสำหรับการเติบโตของหุ้นเท่านั้น ราคาหุ้นยังมีปัจจัยอื่นๆมากระทบอีกมากมายเช่นราคาสินค้าที่ขึ้นลงส่งผลถึงกำไรที่ขึ้นลง, จำนวนเงินปันผล, การซื้อ-ขายของเงินลงทุนจากต่างประเทศ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “ฝรั่ง” นั่นเอง

การขึ้นของหุ้นใหญ่ในช่วงหลังของปี 2560 นั้นมาจากการไล่ซื้อของเงินลงทุนต่างประเทศซะเป็นส่วนใหญ่ เหตุผลหนึ่งก็คือหุ้นไทยนั้นยังถือว่าถูกอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นในประเทศอื่นๆ นอกจากนั้นประเทศไทยยังมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลังจากที่ยํ่าแย่มานานหลายปีและรัฐบาลมีการประกาศช่วงเวลาการเลือกตั้งที่แน่นอน จะเห็นว่าการขึ้นครั้งนี้อาจไม่ได้มาจากการเติบโตของกำไรแบบ 30-40% อย่างหุ้นเล็ก แต่ก็ทำให้ราคาหุ้นขึ้นมาได้มากเช่นกัน ดังนั้นถ้าจะลงทุนก็ควรจะมองให้ออกว่าปัจจัยอะไรจะเป็นตัวขับเคลื่อนราคาหุ้นเป็นหลัก จะหุ้นใหญ่หรือหุ้นเล็กถ้าเราจับประเด็นได้ถูกต้อง ก็สามารถลงทุนประสบความสำเร็จได้ทั้งหมด

ไม่ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีหรือไม่ จงจำไว้ว่าความเปลี่ยนแปลง,ผันผวนจะยังคงมีต่อไปและมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยีและพัฒนาการด้านต่างๆที่เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น ในฐานะของนักลงทุนก็ต้องปรับตัวและคอยเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา คิดให้รอบด้าน จับประเด็นให้ถูก อย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง เพราะแม้ความเปลี่ยนแปลงจะนำวิกฤตหรือหายนะมาในหลายๆครั้ง แต่ถ้าเราเข้าใจมันดีพอ เรามักจะสามารถหาโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตเราได้เสมอๆในทุกสถานการณ์

ปี 2560 กำลังจะจบลง ปีใหม่กำลังจะเข้ามาพร้อมกับโอกาสใหม่ๆสำหรับใครก็ตามที่เปิดตาและเปิดใจให้กว้างก็จะมองเห็น อะไรที่พลาดแล้วก็พลาดไปให้เป็นบทเรียนที่จะพัฒนาตัวของเราไปเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า ปีใหม่นี้ขอให้ทุกๆคนเจอโอกาสใหม่ๆ และประสบความสำเร็จในการลงทุนปี 2561 ที่จะเข้ามา พักผ่อนให้เต็มที่แล้วปีใหม่เรามาลุยไปด้วยกัน สุขสันต์วันปีใหม่ครับ

TSF2024