แนวโน้มการใช้หุ่นยนต์หรือ AI มาทำงานแทนมนุษย์เริ่มใกล้เป็นความจริงแล้ว

เรื่องของการคาดการณ์ว่าหุ่นยนต์หรือ AI ที่จะมาทำงานแทนคนในหลายๆ งาน มีการพูดถึงอย่างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่ในปี 2018 สัญญาณต่างๆ เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว จะเห็นได้ชัดว่างานใช้แรงงานหลายๆ งาน โดยเฉพาะในโรงงานสมัยใหม่ที่มีรูปแบบการทำงานซ้ำๆ และมีรูปแบบชัดเจน ได้มีการใช้หุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนที่คนแล้ว โดยเครื่องจักรในโรงงานเหล่านี้มีการพัฒนาเป็นระบบออโตเมติกมากขึ้น ซึ่งแทบจะไม่ต้องใช้แรงงานคนอีกต่อไป นอกจากนี้ งานใช้แรงงานที่มีความซ้ำซ้อน ได้เริ่มมีการนำหุ่นยนต์หรือ AI เข้ามาทำงานแทนคนด้วยเช่นกัน

มีข่าวออกมาว่าปี 2018 นี้เป็นปีแรกที่ Amazon มีการจ้างงานพิเศษในช่วงวันหยุดปี 2018 ลดลงกว่าปีก่อนถึง 20,000 คน ทั้งที่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา Amazon มีการจ้างงานในช่วงวันหยุดปีใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี เหตุผลก็คือ Amazon มีการนำเอาระบบออโตเมชั้นและหุ่นยนต์มาใช้เพิ่มขึ้น และได้มีการลงทุนเข้าไปซื้อบริษัทผลิตหุ่นยนต์ด้วย

ส่วนของ Alibaba ที่เป็น E-commerce รายใหญ่อีกแห่งของโลก ก็ได้มีการนำระบบออโตเมชั่นและหุ่นยนต์มาใช้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในช่วงเทศกาลวันคนโสด ที่มีการกระตุ้นการซื้อครั้งใหญ่ด้วยสินค้าราคาพิเศษในวันที่ 11 เดือน 11 ของทุกปี Alibaba ประกาศว่า ได้ใช้คนน้อยลง แต่จะมีประสิทธิภาพในการบริการดีกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน

สัญญาณสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่หุ่นยนต์หรือ AI กำลังจะมาทำงานแทนที่คน ดูได้จากงานของสตาร์ทอัพหลายแห่งที่เป็นข่าว อย่างเช่น Boston Dynamics เริ่มมีหุ่นยนต์ออกขายในเชิงพาณิชย์แล้ว ซึ่งอาจได้เห็นหุ่นยนต์เหล่านี้เข้าไปช่วยทำงานอยู่ในไซต์งานก่อสร้างต่างๆ

ธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่หลายแห่ง เริ่มกลายเป็นร้านค้าแบบไร้คนขายมากขึ้นในหลายประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้านอาหารยุคใหม่ก็มีแนวโน้มจะกลายเป็นร้านอาหารแบบออโตเมชั่น มีการทำอาหารที่มีสูตรตายตัว รวมถึงระบบการส่งอาหารในร้านโดยใช้หุ่นยนต์หรือระบบส่งอาหารตามรางไปยังโต๊ะต่างๆ ได้เลย

นอกจากหุ่นยนต์หรือ AI จะสามารถทำงานในส่วนที่ใช้แรงงาน และมีรูปแบบซ้ำๆ ชัดเจนแล้ว ทุกวันนี้ AI เปรียบเสมือนหุ่นยนต์ที่มีสมอง ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในส่วนของงานที่ใช้สติปัญญา อย่างเช่นในวงการเงิน ทั้งธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ หลายแห่งกำลังโดนเล่นงานจากบริษัทเทคโนโลยีและฟินเทคที่มีบริการที่รวดเร็วกว่าและยังมีต้นทุนต่ำกว่ามากๆ อีกด้วย ทางรอดเดียวของเหล่าสถาบันการเงิน ก็คือ การนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่มีข่าวการลดสาขาของธนาคารลง เพราะมีการทำธุรกรรมทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้พนักงานธนาคารทั่วโลกต้องลดลง และหายไปพร้อมกับจำนวนสาขาที่ลดลงอย่างแน่นอน

Citigroup ได้ออกมาเตือนเมื่อช่วงกลางปี 2018 ว่า ระบบออโตเมชั่นกำลังเข้ามาทำงานแทนพนักงานธนาคาร ทาง Citigroup มีการประเมินว่า พนักงานในระดับปฏิบัติการ จะหดหายไปมากถึงครึ่งหนึ่งภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าในวงการธนาคาร มีการจ้างงานลดลง อย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา

Dr. Kai-Fu Lee ผู้ชำนาญเรื่อง AI อดีตประธาน Google ในประเทศจีน และอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Apple และ Microsoft ในวันนี้เป็นนายทุนให้กับสตาร์ทอัพหลายๆ แห่งในอเมริกาและจีน ได้คาดการณ์ถึงงานที่จะถูกแทนที่โดยหุ่นยนต์หรือ AI ว่า… ภายใน 5 ปีข้างหน้า งานต่างๆ ที่ต้องทำซ้ำๆ มีรูปแบบชัดเจน หุ่นยนต์หรือ AI จะเข้ามาทำงานแทนคน และงานจะหายไปจำนวนมาก อย่างเช่น งานแคชเชียร์ พ่อครัว พนักงานขาย พนักงานล้างจาน พนักงานวิเคราะห์สินเชื่อหรือเครดิต ฝ่ายบริการลูกค้า ฯลฯ ภายใน 10 ปีข้างหน้า งานประจำ หรืองาน Routine ก็จะหายไปมาก เช่น คนขับรถแท็กซี่ คนขับรถบรรทุก พนักงานส่งเอกสาร พนักงานรักษาความปลอดภัย ฯลฯ และภายใน 15 ปีข้างหน้า งานที่มีความสำคัญหลายอย่างจะถูกแทนที่โดย AI เช่น เจ้าหน้าที่หรือหมอรังสีการแพทย์ที่คอยวิเคราะห์โรค ผู้สื่อข่าว นักวิเคราะห์วิจัย เป็นต้น

ในอดีตที่การที่หุ่นยนต์หรือ AI จะเข้ามาทำงานแทนคนเป็นแค่จินตนาการเท่านั้น แต่ในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ ดูเหมือนว่ามันเริ่มจะกลายเป็นความเป็นจริงแล้ว !!!

– คลินิกการลงทุน

References :
https://www.cnbc.com/2018/11/02/citi-mark-may-amazon-relies-on-robots-less-temporary-holiday-hires.html
https://www.alizila.com/cainiao-gears-up-for-2018-11-11/
https://technode.com/2018/10/30/alibaba-new-robotic-warehouse/

ที่มาบทความ: https://wealthinvestmentclinic.wordpress.com