Bernard Madoff (เบอร์นาร์ด เมดอฟฟ์) คือหนึ่งในบุคคลที่ก่อเรื่องอื้อฉาวตบตาชาวโลกเป็นเวลากว่า 30 ปี

เมดอฟฟ์คือพ่อมดการเงินแห่งตลาดหุ้นแนสแด็ก (Nasdaq) ครั้งหนึ่งเขาเคยมีบริษัทหลักทรัพย์เป็นของตัวเองที่ชื่อว่า Bernard L. Madoff Investment Securities, LLC.  

เขาร่วมก่อตั้งและยังเป็นถึงอดีตประธานตลาดหุ้นแนสแด็ก สุดท้ายลงเอยด้วยการถูกตัดสินจำคุก 150 ปี ด้วยวัย 71 ปี จากคดีฉ้อโกงสุดฉาวในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา สร้างความเสียหายประมาณ 5 หมื่นล้านเหรียญ

Bernard Madoff ผู้นี้คือใคร?

เรามาเริ่มกันด้วยความเป็นมาของอัจฉริยะจอมโฉดผู้นี้กันสักหน่อย

เมดอฟฟ์ถือกำเนิดในย่านควีนส์ กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พ่อแม่ของเขาทำธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ แต่จากนั้นก็ถูก กลต. สั่งปิดจากการทุจริต ทำให้บ้านต้องถูกขายทอดตลาด ซึ่งตอนนั้นเองทำให้เขาตัดสินใจก่อตั้งบริษัทซื้อขายหุ้นถูกๆ ท่ามกลางยุคเริ่มแรกของการใช้คอมพิวเตอร์ในการซื้อขายหุ้นแบบออนไลน์

เมดอฟฟ์ได้เป็นกลุ่มผู้พัฒนาการซื้อขายออนไลน์ จนในปี 1971 ได้ช่วยริเริ่มตลาดหุ้นแนสแด็ก (Nasdaq) และได้ก้าวขึ้นไปเป็นประธานตลาดหุ้นแนสแด็ก สร้างเสริมให้มีภาพลักษณ์ให้ดูดีและน่าเชื่อถือ

จากนั้นเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้นในปี 1987 เมื่อบริษัทย้ายเข้ามาตั้งออฟฟิศอยู่ในเกาะแมนฮัตตัน นิวยอร์ก และได้แยกแผนกเงินทุนเอกชนซึ่งเป็นธุรกิจที่ปรึกษาด้านการลงทุน เมดอฟฟ์จึงได้ใช้แผนการอันแยบยลที่ชื่อว่า Ponzi

เจ้า Ponzi นี้คืออะไร?

ชื่อที่ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ๆ เพราะนี่คือชื่อเจ้าของตำนานอันฉาวโฉ่ นั่นก็คือ ชาร์ล พอนซี (Charles Ponzi) 

ในปี 1920 หมอนี่ได้โกงเงินนักลงทุน 6 พันราย เป็นเงินราว 20 ล้านเหรียญ จุดชนวนการล้มละลายของธนาคาร 6 แห่ง

แม้จะล่อนักลงทุนด้วยผลตอบแทนที่สูงลิ่ว แต่พอนซีกลับใช้สูตรยกกำลังง่ายๆ ในการหาเหยื่อ พูดง่ายๆ ก็คือ หากกล่อมให้คน 2 คนลงทุน 100 เหรียญ โดยรับประกันผลตอบแทนเป็นเท่าตัวในเดือนถัดไป เมื่อสิ้นสุดเดือนแรกจะต้องลวงนักลงทุนมาเพิ่มอีก 4 ราย เพื่อนำเงินไปคืน 2 คนแรก และทำไปเรื่อยๆ จำนวนนักลงทุนต้องยกกำลังไปทุกเดือน ในเดือนที่ 17 จะมีนักลงทุนราวๆ 250,000 คน

พูดง่ายๆ นี่คือ แชร์ลูกโซ่ จึงทำให้พอนซีสามารถล่อเหยื่อด้วยผลตอบแทนที่สูงลิ่วได้ไงล่ะ

กลับมาที่แผนของ Madoff

เมดอฟฟ์มีชื่อเสียง ภาพลักษณ์น่าเชื่อถือ หัวการค้า และอีโก้ในการทำแผนลวงที่โลกต้องจารึก เขาหลอกลูกค้าด้วยการการันตีผลตอบแทน และยังบอกอีกว่าเขามีสูตรทางคอมพิวเตอร์ที่จะการันตีผลตอบแทนไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร

Steven Spielberg, Kevin Bacon, Kyra Sedgwick และเหล่าดาราคนดังมากมายตกเป็นเหยื่อของเขาหมด แผนการหลอกลวงดำเนินไปกว่า 20 ปี เมดอฟฟ์ทำเงินได้หลายพันล้าน เขากินอยู่อย่างสบาย

หนึ่งในเหยื่อของเขาคือ องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร (มูลนิธิ) เพราะว่าองค์กรเหล่านี้มีเงินทุนให้แต่จะไม่ขอคืน

จุดจนของแผนลวงโลก

ความเริ่มมาแตกในช่วงวิกฤตซัมไพรม์ปี 2008 เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ เงินที่เข้ามาก็น้อยลง ลูกค้าเข้ามาเพื่อขอเงินคืนจำนวน 7 พันล้านเหรียญ

…แล้วยังไงเนี่ย ก็มันไม่มีธุรกิจ ไม่มีการลงทุนจริงๆ จะหาเงินที่ไหนไปคืนได้?

ประมาณช่วงสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม ปี 2008 เมดอฟฟ์เริ่มบอกกับพนักงานระดับอาวุโส ซึ่งก็คือลูกชายของเขาว่าธุรกิจทั้งหมดเป็นเรื่องต้มตุ๋น ที่ผ่านมาได้ดำเนินไปแบบแชร์ลูกโซ่

จนในวันที่ 10 ธันวาคม ปี 2008 ทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยและถูกจับกุม ไม่กี่วันหลังจากนั้นชื่อของเหยื่อก็ทยอยเปิดเผยออกมา มีทั้งเศรษฐี คนดัง และมูลนิธิ รวมไปถึงธนาคารและสถาบันการเงินอีกด้วย อาทิ กลุ่ม UBS ธนาคาร Union Bancaire Privée และธนาคาร Bénédict Hentsch ธนาคารเหล่านี้อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ Santander ของสเปน HSBC ของอังกฤษ และยังรวมไปถึง Royal Bank of Scotland

นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่ได้รับความเสียหายอันเป็นกองทุนที่มีเมดอฟฟ์เป็นผู้จัดการกองทุน เช่น กองทุน Hedge Fund กองทุน Fairfield Sentry กองทุนบริหาร Fairfield Greenwich Group ของ Walter Noel หรือกองทุน Kingate Global Fund

สุดท้ายแผนการก็พังลง สร้างความเสียหายกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ ทำลายความฝันของนักลงทุนหลายคน ทำลายเงินเกษียณ และเงินบริจาค

ในวันที่ 12 มีนาคม ปี 2009 เบอร์นาร์ด เมดอฟฟ์ ยอมรับสารภาพว่าได้ก่อคดีอันฉาวโฉ่ และถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 150 ปี จบสิ้นการลวงโลกกว่า 30 ปี

พวกอัจฉริยะวายร้ายเหล่านี้มีสมองอันชาญฉลาด เมื่อใดที่ได้กลิ่นของโอกาส พวกเขาจะทำการบ้านอย่างหนัก วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญคือไม่ล้มเลิกแผนการจนกว่าจะสำเร็จ

สิ่งที่สำคัญสำหรับตัวเราจากบทเรียนนี้ นั่นคือ เราต้องตรวจสอบการลงทุนที่มีผลตอบแทนน่าเหลือเชื่อ ระมัดระวังคำโฆษณาที่เกินจริง การการันตีสิ่งต่างๆ นานา

…รวมถึงหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย และจะไม่เกิดขึ้นอีก

ข้อมูลอ้างอิง

http://www.businessinsider.com/how-bernie-madoffs-ponzi-scheme-worked-2014-7

http://my-idoll.blogspot.com/

https://www.biography.com/people/bernard-madoff-466366