เราเคยสงสัยไหมว่าบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Amazon.com สามารถทำให้ platform ของตัวเองเป็นที่ยอมรับและ เปิดตลาด e-commerce ได้อย่างไร

Jeff Bezos, CEO  ของ Amazon.com นั้นเป็นคนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Game Changer หรือ ผู้เปลี่ยนเกมจากการพัฒนาบริษัทของเขาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ตอนแรกเขาได้ตั้งชื่อบริษัทของเขาว่า Cadabra  โดยเปิดตัว product ใหม่ของเขา Amazon.com ในปี 1995 โดยมีจุดประสงค์ที่จะขายหนังสือออนไลน์​ และใช้ข้อได้เปรียบของ Internet Boomในช่วงปี ค.ศ. 1990 โดยความคิดของเขาได้กลายเป็นการ disrupt อุตสาหกรรมค้าปลีกด้วยการย้ายตลาดค้าขายไปไว้ออนไลน์ 

ความเป็นผู้นำของ Bezos ยังคงผลักดันให้ Amazon.com พัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ บริษัทของเขายังคงลงทุนในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปกับยุคสมัยใหม่ เช่นการส่งของด้วยเครื่องบินโดรน เป็นต้น

Elon Musk ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Tesla Motors เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกมองว่าเป็นผู้เปลี่ยนเกมในยุคนี้ Musk ก่อตั้ง Tesla ในปี ค.ศ. 2003 ด้วยความทะเยอทะยานสูงในการเป็นผู้เปลี่ยนเกมในอุตสาหกรรมยานยนต์ 

10 ปีต่อมา Tesla Motors ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงโดยการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนพลังงานสูงเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์แทนน้ำมันเบนซิน ตัว Elon Musk เองเชื่อว่าบริษัทของเขาจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ 500,000 คันต่อปีภายในปี ค.ศ. 2020 และวิสัยทัศน์ของเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยบริษัทคู่แข่งเพราะรถยนต์ไฟฟ้าของเขานั้นได้สร้างคลื่นลูกใหม่ที่บริษัทอื่นต้องมองหาวิธีรับมืออย่างเร่งด่วน

วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ คำว่า Game Changer หรือผู้เปลี่ยนเกม ที่จะทำให้ทุกคนสามารถกลายเป็น Jeff Bezos หรือ Elon Musk หลังจากอ่านบทความนี้โดยทันที!

Game Changer คืออะไร?

Game Changer คือบุคคลหรือบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางธุรกิจและตั้งเป้าหมายแผนธุรกิจใหม่ทั้งหมด บริษัทประเภทนี้จะจัดตั้งและกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งทางตรงหรือทางอ้อม นวัตกรรม Game Changer จะเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของผู้คนไปในทางที่สะดวกสบายมากขึ้นและไม่เคยพบเห็นมาก่อน

และนี่คือ 6 ขั้นตอน ที่นักเขียน Mike Myatt ประธานบริษัท N2Growth และเจ้าของหนังสือ Hacking Leadership คิดขึ้นมาเพื่อที่จะพัฒนา Game Changer

Simple (ง่าย):

ไอเดียส่วนใหญ่เริ่มจากความคิดง่ายๆ ที่อยากจะแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน บางคนอาจจะแปลคำนี้เป็นความเป็นไปได้ ไม่เกินจริง อย่าพยายามแก้ไขปัญหายากๆ ที่เกินตัวเรา เพราะจะทำให้เราหลุดออกจากเป้าหมายที่แท้จริง

Meaningful (มีคุณค่า):

Game Changer ส่วนใหญ่มีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาในตลาดเดิมหรือพยายามที่จะเปิดตลาดใหม่ ซึ่งล้วนแล้วมีความหมายและคุณค่าต่อคนหมู่มาก ถ้าความคิดเราไม่ได้มีประโยชน์ต่อคนหมู่มากมันก็ไม่ดีพอที่จะเป็น Game Changer Idea

Actionable (ทำได้จริง):

ถ้าไอเดียเราไม่สามารถเปลี่ยนเป็นนวัตกรรมได้มันก็จะไม่ปัง แล้วถ้าเราไม่สามารถนำความคิดไปปฏิบัติจริงได้มันก็ไม่ใช่ Game Changer ไอเดียเราต้องเป็นสิ่งที่ตัวเราสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่สิ่งลึกลับไม่มีตัวตนในโลกความเป็นจริง

Relational (สร้างความสัมพันธ์): 

Game Changer ช่วยขยายและยกระดับความสัมพันธ์ที่มีอยู่รวมถึงให้บริการเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ไอเดียที่ดีจริงๆ จะเข้าใจอำนาจของผู้คนและความสัมพันธ์ บริษัทอย่าง Amazon รวบรวมสิ่งนี้ไว้ได้ทั้งในการสร้างสรรค์ไอเดียและการนำไปใช้

Transformational (เปิดรับความเปลี่ยนแปลง):

ตามความหมาย Game Changer คือ นวัตกรรมใหม่ที่จะสร้างความเปลี่ยนเปลี่ยน หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไม่มีสิ่งใดถูกสร้างขึ้นใหม่ หรือถ้าไม่มีการปรับปรุงใด ๆ แสดงว่าสิ่งที่เราคิดขึ้นมานั้นไม่ใช่ Game Changer บทเรียนหนึ่งที่ประธานบริษัทนวัตกรรมใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่ยึดถือคือ เราไม่สามารถสัมผัสกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยปราศจากการเปลี่ยนแปลง

Scalable (มีความเป็นไปได้):

Game Changer จะสามารถปรับขนาดได้ ถ้าไอเดียเรามันใหญ่เกินกว่าที่เราจะทำเองได้ มันก็จะกลายเป็นไอเดียที่ไม่มีความหวังในอนาคตและมักจะกลายเป็นฝันร้ายมากกว่าที่จะเติมเต็มความฝัน Game Changer ที่แท้จริงสร้างขึ้นด้วยความเร็วและความยั่งยืนในใจ และสิ่งที่ดีที่สุดคือไอเดียที่ดีจะสามารถกระตุ้นโอกาสในการเพิ่มพูนอื่น ๆ

เราได้บอกเคล็ด “ไม่” ลับของการสร้างบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่าง Amazon และ Tesla ให้กับคุณแล้ว คุณพร้อมหรือยังที่จะทำให้ไอเดียคุณกลายเป็น Game Changer ?

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.investopedia.com/terms/g/game-changer.asp

ที่มาบทความ:

https://www.forbes.com/sites/mikemyatt/2012/10/10/how-great-leaders-create-game-changers/#1402e47558b6