จัดกลุ่มกองทุน Commodities สำหรับ Asset Allocation

[รู้จักกับกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ เอาไว้จัดพอร์ตกระจายความเสี่ยง]

จากที่เด็กการเงินได้มีโอกาส Live กับคุณ Andrew Stotz ในเรื่อง Asset Allocation เราพบว่า Commodities หรือสินค้าโภคภัณฑ์ มีหลายประเภท และสามารถนำมาจัดพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง น้ำมัน สินค้าเกษตร โลหะมีค่า ฯลฯ มักจะเคลื่อนไหวสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ
จัดกลุ่มกองทุน Commodities สำหรับ Asset Allocation
ที่มา: เพจเด็กการเงิน DekFinance
ข้อมูล ณ วันที่ 2 พ.ค. 2021

ประโยชน์ของสินทรัพย์ Commodities:

1. ใช้กระจายความเสี่ยงของพอร์ต (Diversification) เนื่องจากมี correlation ไม่สัมพันธ์กับหุ้นโดยตรง ใช้ทำ Tactical Asset Allocationได้

2. ใช้ปกป้องเงินเฟ้อ (Inflation Protection) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มักจะขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นการมี commodities จะลดการด้อยค่าของเงินได้

กองทุนที่ลงทุนใน Commodities ในไทย แบ่งออกได้ 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

1. ทองคำ (Gold)

มีทั้งกองทุนที่ลงใน Gold Trust หรือสิทธิ์ในการถือ และทองคำแท่ง (Bullion) ทองคำมักจะเป็นตัวกระจายความเสี่ยงในพอร์ตที่ทุกคนรู้จักกันดี โดยทองคำเคลื่อนไหว เบื้องต้นดังนี้ครับ

สภาวะสภาพคล่องเพิ่ม เพิ่ม Money Supply หรือมี QE
…ราคาทองคำขึ้น

สภาวะสภาพคล่องลด ลด Money Supply หรือลด QE
…ราคาทองคำลด

สภาวะ Risk Off หุ้นตก หรือมีข่าวความมั่นคง
…ราคาทองคำขึ้น

สภาวะ Risk On หุ้นขึ้น สภาวะน่าลงทุน
…ราคาทองคำลด

เพราะคนเชื่อว่าทองคำเก็บสะสมมูลค่าได้ และถือเป็น safe asset แบบหนึ่งครับ มักจะขึ้นลงไม่สอดคล้อง หรือ ตรงข้ามกับราคาหุ้น

ในกลุ่มนี้ยังมีกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจเหมือง Precious metal ทั้งทองคำและแร่เงิน แม้ว่าไม่ใช่กอง commodity โดยตรง ราคาค่อนข้างเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคา commodity ที่ตัวเองขุดเลยทีเดียว

2. พลังงาน (Energy)

กองทุนในไทยลงทุนใน WTI Crude Futures หรือสัญญาส่งน้ำมันล่วงหน้าของ West Texas Intermediate ดัชนีราคาน้ำมันดิบในฝั่ง USA แม้ว่ามีแบบเดียว ราคาน้ำมันดังกล่าวค่อนข้างเคลื่อนไหวไปทางเดียวกับ Brent และ Dubai โดยภาวะเศรษฐกิจ และ demand-supply ส่งผลกับราคาน้ำมัน ทำให้มีความผันผวนสูง

3. สินค้าเกษตร (Agriculture)

มีอยู่กองเดียวในไทย มักจะขึ้นดีเมื่อมีข่าว Global Warming ครับ เพราะช่วงนั้นราคา Corn, Sugar จะปรับตัวสูง แต่ถ้าไม่ถนัดอาจจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง

4. รวมสินค้าโภคภัณฑ์

รวม Energy, โลหะมีค่า และสินค้าเกษตรรวมกันไว้ในตะกร้าลงทุน

กลุ่มนี้เราแนะนำให้มีติดพอร์ตไว้ ถ้าต้องการทำ Tactical Asset Allocation ในช่วงเวลาเศรษฐกิจเติบโต เพราะราคาสินค้าเหล่านี้มักจะขึ้น แถมมีการขึ้นลงไม่สอดคล้องกับหุ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเศรษฐกิจเติบโตสุดขีด ราคา commodities อาจจะปรับตัวลง แต่ราคาหุ้นขึ้นจะขึ้นไปต่อได้ (ไม่ได้เป็นเช่นนี้เสมอไปนะ) …ดังนั้นเรายังคงแนะนำให้ใช้ commodities กับ asset allocation เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ต

บางกองทุนไม่ได้ปกป้องความเสี่ยงค่าเงินนะครับ ถ้าคิดว่าต้องการปิดความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน เลือกแบบมีนโยบาย Hedge จะดีกว่าครับ

ย้ำ!! สินค้า commodities มีไว้ใช้กระจายความเสี่ยงตามสถานการณ์ ต้องจัดพอร์ต ทำ Asset Allocation ควบคู่กันไป เพราะลำพัง ราคา Commodities เองมีความเสี่ยงขึ้นลงผันผวน ขึ้นอยู่กับ Market Demand-Supply เป็นหลัก

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

เด็กการเงิน DekFinance

ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/DekFinance101/posts/169769391707199

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของกองทุนรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนรวม โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้ขายหน่วยลงทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนเหล่านี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มโภคภัณฑ์ จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”