ms-core-ltf

สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน ในช่วงที่ใครหลาย ๆ กำลังมองหากองทุน LTF ดี ๆ สักกองทุน เพื่อลดหย่อนภาษี ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักจะมองกองทุนที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังดี ๆ ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกองทุนที่อันดับ 1-3 อย่างแน่นอน ใช่ไหมละครับ และคนส่วนใหญ่ก็คงมองข้ามกองทุนอันดับ 4-10 ไป

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เรามักจะมองที่ “ผลตอบแทน” เป็นหลักนั่นเองครับ แต่ว่าการลงทุนกับกองทุนที่ดีนั้น เราคงจะดูแค่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ครับ !

เนื่องจากว่า ถ้าเราเลือกแต่กองทุนที่ผลตอบแทนดี แต่ว่าสไตล์การลงทุน หรือว่าความเสี่ยงจากการลงทุนสูงเกินกว่าที่เรารับได้ ก็อาจจะทำให้เราถือกองทุนนั้น ๆ ได้ไม่นานพอ หรือว่า บางครั้งเห็นกองทุนปรับตัวลดลงมาก ๆ ส่วนใหญ่จะทำการขายกองทุนออกมาก่อน ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจจะเป็นเพียงแค่ภาวะ “ชั่วคราว” ไม่แน่ว่ากองทุนเหล่านั้นอาจจะกลับมาทำผลตอบแทนระยะยาวได้ดีก็เป็นได้ครับ เนื่องจาก “สไตล์การลงทุน” ของกองทุนที่ออกจะหวือหวาหน่อยนั่นเองครับ

ms1

ตัวอย่างกองทุน A ที่ผันผวนมากกว่าแต่ก็ทำผลตอบแทนได้สูงเช่นเดียวกัน

สิ่งสำคัญอีกอย่างในการเลือกกองทุนนั่นก็คือ แนวคิดการเลือกสินทรัพย์ แนวคิดการลงทุน หรือว่า investment process ของแต่ละกองทุนเองก็มีความสำคัญ เนื่องจากว่าจะเป็นตัวบอกแนวโน้มของกองทุนด้วยว่าจะมีความสม่ำเสมอของผลตอบแทนมากแค่ไหน เพราะว่า ถ้าผู้จัดการกองทุนมีกระบวนการการลงทุนที่ดี ต่อให้ผลตอบแทนที่ออกมานั้นจะแย่ แต่ผมเชื่อว่าไม่นานก็จะกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดีได้ แต่ถ้ามีกระบวนการลงทุนที่ไม่ดี ต่อให้ผลตอบแทนที่ได้มานั้นจะสูง แต่ผมก็เชื่อว่าผลตอบแทนที่เกิดขึ้นนั้น น่าจะเกิดจาก “ดวง” มากกว่าความตั้งใจของผู้จัดการกองทุนครับ

ทั้งสไตล์ และ investment process ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ เนื่องจาก จะเป็นสิ่งที่ลดความผิดพลาดในเรื่องของอารมณ์ และเพิ่มความมีเหตุผลในการลงทุน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก และมีผลกระทบต่อผลตอบแทนของกองทุนอย่างมากครับ

ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกองทุนที่น่าสนใจ และผมเองก็ติดตามกองทุนนี้มาค่อนข้างนาน ซึ่งอาจจะดูว่าเป็น “ม้านอกสายตา” ของใคร ๆ แต่ผมบอกได้เลยครับว่า บลจ. อื่น ๆ เองก็อย่าประมาทกับม้าตัวนี้ อย่างเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะโดนแซงไปก็ได้ ส่วนนักลงทุนเองก็ควรที่จะมองกองทุนนี้อย่าให้คลาดสายตาไปเชียวนะครับ เรียกได้ว่า “น่าจับตามอง” น่าเอาไปใส่ไว้ใน รายชื่อกองทุน LTF ที่ควรซื้อได้อย่างไม่น่าเกลียดเลยละครับ

กองทุนนี้ก็คือ “MS-CORE LTF” จาก บลจ. แมนูไลฟ์ นั่นเองครับ

เรามาเริ่มดูกันเลยครับ ว่ากองทุนนี้มีอะไรที่น่าสนใจ และมีรายละเอียดอะไรบ้างครับ

กองทุนนี้ชื่อ กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว (MS-CORE LTF) เป็นกองทุน LTF ที่ไม่มีปันผล เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ หรือ ในกลุ่ม SET50 และ ได้รับ Rating จาก MorningStar 4 ดาวอีกด้วยครับ

ms2

โดยอย่างแรกที่เราจะมาดูกันก็คือ คือ “ผลตอบแทน” ที่ผมต้องบอกว่า ไม่น้อยหน้าใครอย่างแน่นอน ซึ่งผลตอบแทนระยะยาวก็เอาชนะค่ามาตรฐาน หรือ Benchmark อย่าง SET TR ได้ และ ผลตอบแทนจากกองทุนนี้ ถือว่าทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง ติดกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีอันดับต้น ๆ (1 ใน 10) ทั้งในกรอบ 3 ปี และ 5 ปี ครับ

ms3

ข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม กดที่นี่

โดยที่กองทุนนี้เองก็ต้องถือว่ามีความเสี่ยงไม่ได้สูงเกินไป และผมต้องบอกว่า มีความผันผวนต่ำกว่ากองทุน LTF ในกลุ่มท๊อประดับเดียวกันอีกด้วยครับ ทั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะว่า กองทุนนี้ได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ใน SET50 เป็นหลัก ซึ่งจะเน้น หุ้นที่มีขนาดใหญ่ – ใหญ่มาก ทำให้ความผันผวนน้อยกว่าบางกองทุนที่มีการเลือกหุ้นขนาดกลาง

กองทุนนี้ได้เลือกหุ้นใหญ่จาก SET50 เสียเป็นส่วนใหญ่ ผมจึงคาดว่าแนวคิดการลงทุนคือ เน้นหุ้นที่พื้นฐานดีเป็นหลัก และจากข้อมูลการลงทุนหุ้น 5 ตัว และ 10 ตัวแรกนั้น เมื่อเทียบกับกองทุน LTF แบบเดียวกัน ก็จะพบว่า กองทุนนี้เน้นการเลือกหุ้นที่มีขนาดใหญ่รวม ๆ กันแล้ว มากกว่ากองทุนอื่น ๆ

ms4

ข้อมูลจาก website : Morningstar Thailand

ms5

(เน้นหุ้นที่มีขนาดใหญ่จริง ๆ)

และเราจะเห็นได้ว่า ต่อให้ผ่านไปหลายเดือนแล้วก็ตาม ก็ยังคงถือหุ้นตัวเดิม ๆ แต่ปรับสัดส่วนการถือครองแทนครับ ซึ่งถ้านักลงทุนไปดูในรายงานประจำ 6 เดือน หรือ 1 ปี จะพบกว่ากองทุนนี้มี อัตราการปรับเปลี่ยนสินทรัพย์ หรือ ซื้อขายสินทรัพย์ในกองทุน (Turnover ratio) อยู่ที่ประมาณ 200% ครับ แสดงว่ากองทุนนี้ มีการปรับเปลี่ยนหุ้นตามสถานการณ์อยู่พอสมควร คงไม่ใช่สไตล์ Buy and Hold อย่างกองทุนของ บลจ. บัวหลวง (Turnover ratio ประมาณ 100%) หรือ อย่างกองทุนของ บลจ. อเบอดีน (Turnover ratio ประมาณ 25%)

ผมได้ทำการตรวจสอบข้อมูลที่ผมเขียนได้เขียนไว้เมื่อประมาณเกือบ ๆ 2 ปีที่แล้ว ก็พบว่า กองทุนนี้ มี Turnover ratio ใกล้เคียงกัน หรือ แทบจะเท่า ๆ กับปัจจุบัน นั่นก็แสดงว่า มี investment process ที่เหมือนเดิมเลยไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปครับ ทำให้เห็นถึงแนวคิดที่มั่นคง และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามัน work อีกด้วย ไม่งั้นคงไม่ได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอแบบนี้ครับ

ต้องบอกตรง ๆ ว่า ผมค่อนข้างที่จะชอบหนังรายงานประจำ 6 เดือนของ บลจ. นี้พอสมควรครับ เนื่องจากมีรายงาน ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาด แนบมาให้ด้วย ถ้านักลงทุนได้อ่านแล้วก็น่าจะได้ความรู้ไปด้วยครับ

ส่วนเรื่องของค่าธรรมเนียมนั้น ก็คือว่า ไม่ได้แพงครับ อยู่ที่ประมาณ 1.51% ต่อปี (ณ วันที่ 20/11/16) แพงคือประมาณ 1.8-2.0% ซึ่งถ้านักลงทุนต้องลงทุนระยะยาว ๆ ผมว่าก็น่าสนใจ เนื่องจากค่าธรรมเนียมไม่น่าจะเป็นภาระมากเท่าไหร่นัก แต่ด้วยขั้นต่ำที่ค่อนข้างจะสูงคือ ซื้อครั้งแรกต้องลงทุนที่ 10,000 บาท จากนั้น จะลงทุนทีละกี่บาทก็ได้ครับ นักลงทุนอาจจะต้องกลั้นใจลงทุนในครั้งแรกมากหน่อยครับ

กองทุนนี้อาจจะดูแล้วไม่ค่อยคุ้นเคยกับนักลงทุนเสียเท่าไหร่ เพราะว่าคนมักจะมองไปที่กองทุนอันดับต้น ๆ ไปเลย ทำให้มักจะโดนมองข้ามไปพอสมควรสำหรับกองทุนนี้

“แต่ดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน” (พี่ป้างมาเอง) น่าจะเป็นคำพูดที่เหมาะกับกองทุนนี้เป็นอย่างมาก ถ้าใครที่มีอยู่แล้ว ผมก็คงต้องบอกว่า ไม่ต้องไปน้อยใจใคร ถึงแม้ว่ากองทุนนี้จะไม่ใช่กองทุนที่ได้อันดับหนึ่งทุก ๆ ปีก็ตาม แต่ลงทุนด้วยแล้วก็น่าจะได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจอยู่เหมือนกัน

สุดท้ายนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่นักลงทุนควรคำนึงถึงให้มาก ๆ ก็คือ กองทุนที่เราลงทุนด้วยนั้นควรจะเป็นกองทุนที่ “บรรลุเป้าหมายการลงทุน” และ “เราเข้าใจสไตล์การลงทุนของกองทุนอย่างดี” มากกว่าจะต้องได้กองทุนที่ “ผลตอบแทนสูงสุด” ไม่งั้นเราจะวิ่งตามหากองทุน และเปลี่ยนมันไปเรื่อย ๆ ซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้แผนการลงทุนของเรานั้น ประสบความสำเร็จได้ยากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ถ้าเป้าหมายการลงทุนของเรานั้นอยู่ที่ 8% ต่อปี และกองทุนที่เราลงทุนอยู่ด้วยนั้นอาจจะได้ 9% ต่อปี แต่เผอิญว่าเราเหลือบไปเห็นกองทุนของเพื่อนสนิทของเราที่ได้ 12% ต่อปี ย่อมเกิดความอิจฉาขึ้นในใจ ส่วนใหญ่ก็จะย้ายกองทุนไปยังกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าทันที

แต่เรามักจะไม่ได้ทำความเข้าใจ หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า กองทุนของเพื่อนที่ถืออยู่ นั้นมีนโยบายการลงทุนที่ หวือหวา หรือว่า มีความเสี่ยงที่สูงกว่ากองทุนที่ตนเองถือ ทั้ง ๆ ที่กองทุนเดิมที่ลงทุนอยู่ให้ผลตอบแทนที่บรรลุเป้าหมายการลงทุนของเราแล้ว

ดังนั้นจริง ๆ แล้วนักลงทุนเองก็ไม่จำเป็นต้องย้ายกองทุนแต่อย่างใดนั่นเองครับ ถ้ากองทุนที่เราเลือกไว้ตอนแรกสามารถพาเราบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ของชีวิตได้ ส่วนการปรับเปลี่ยนกองทุนไป-มา บ่อย ๆ บางครั้งก็ทำให้เสียเวลา เสียค่าโอนย้ายหน่วยลงทุน แถมความเสี่ยงก็เพิ่มมากขึ้นไปโดยที่นักลงทุนไม่รู้ตัวนั่นเองครับ

ขอให้นักลงทุนทุกท่าน โชคดีในการลงทุนกับกองทุนรวมนะครับ วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีครับ ^_^


พิเศษ!! ฟินโนมินา ขอแนะนำ “NTER RL” ปัจจุบันท่านสามารถซื้อ LTF/RMF ผ่านทาง NTER ได้แล้วฟรี!! โดยคลิ๊ก ที่นี่ หรือคลิ๊กที่รูปด้านล่างได้เลย

banner-rl

ติดตาม สภาวะการลงทุนและรับบริการ NTER Alert ได้ที่ Add line ID = @nter หรือ คลิ๊ก ที่นี่ ด้วยมือถือ หรือ เพื่อความกระจ่างในการใช้งาน อ่านต่อได้เลยที่ ทำไมใครๆ ก็ใช้ NTER ซื้อกองทุน RMF LTF?


ชมคลิป MS-CORE LTF จากงาน FINNOMENA RMF LTF Showcase @ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย