มุมมอง ดร.วิศิษฐ์ (28 สิงหาคม - 1 กันยายน 2560)

มุมมอง ดร. วิศิษฐ์

  • ภายหลังสุนทรพจน์ของนาง Janet Yellen ที่ Jackson Hole ตลาดหุ้นตีความว่า เธอไม่กังวลกับราคาสินทรัพย์หรือราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและการที่นักลงทุนคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะไม่ปรับค่าเพิ่มขึ้นในการประชุมเดือนกันยายนนี้ จึงมองเป็นบวกต่อตลาดทุนในช่วงสั้น สิ่งที่ตลาดพันธบัตรกำลังจับตาต่อไปคือ การที่เธอยังคงมีนโยบายลดขนาดงบดุลของ Fed ในการประชุม FOMC วันที่ 19-20 กันยายนนี้หรือไม่
  • สำหรับ Events ที่สำคัญในภาคการเมืองสหรัฐ คือ Debt Limit หรือเพดานการก่อหนี้ของภาคการคลังของสหรัฐต้องถูกอนุมัติภายในวันที่ 29 กันยายน เพื่อหลีกเลี่ยง Government Shutdown (โอกาสที่มีการ Shutdown ของ US Government ในระยะเวลาสั้นๆ มีโอกาสถึง 50%)
  • ในระยะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศได้ทำการ Long Future จำนวนกว่า 65,000 สัญญา แต่ขายตลาด Cash Market จำนวน 6 พันล้านบาท โดยการขายตลาดพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว จำนวนกว่า 10,000 ล้านบาท บ่งบอกถึงภาวะการเก็งกำไรระยะสั้นของตลาดทุนในช่วงสั้น
  • สิ่งที่เป็นปัจจัยบวกและอาจจะถูกหยิบยกมาเก็งกำไร คือ การที่ global PMI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาโลหะและ Hard Commodity ต่างๆ เช่น Aluminum (ราคาในประเทศจีนปรับตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี) ราคาสังกะสี ราคาทองแดง ราคา Nickel และราคา Iron ore ได้ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ราคาของบางสินทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 40%) รวมทั้งราคาถ่านหิน การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ Metal Commodity เหล่านี้สะท้อนถึงการอ่อนค่าของ US$ และสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก Global PMI ที่เพิ่มขึ้นและ Supply ที่ลดลง จึงมองว่าหุ้นกลุ่ม Hard Commodity เช่น กลุ่มเหล็ก กลุ่มถ่านหิน จะ Outperform อย่างน้อยในช่วงสั้น
  • Global PMI ที่ดีขึ้นจะส่งผลบวกต่อหุ้นใน EM ด้วย correlation 75% และถือเป็น Leading Indicator ด้วย ยังมองหุ้นกลุ่ม Petrochemical จะมีการขาดหายของ Supply ในประเทศญี่ปุ่น (ประมาณ 2% ของ VCM Capacity ของตลาด Petrochemical ในเอเชียในเดือนกันยายน) โดยเฉพาะอย่างกลุ่ม PVC จึงจะทำให้หุ้นกลุ่ม PVC Supplier มีผลการประกอบการที่ดีใน Q3 ในขณะที่กลุ่ม Shipping และ Logistic จะได้ประโยชน์จาก Global PMI ที่เป็นลักษณะ Sideway Up
  • ในช่วงปลายของดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก เราอาจจะมองเห็น Wave ของการซื้อกิจการบริษัทที่มี Undervaluation ในกลุ่มที่มี P/BV ต่ำ และ FCF Yield สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดเงินจากประเทศที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูงหรือที่เราเรียกว่า Leverage Buyout
  • ในช่วงที่ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ผลการเติบโตไม่สูง มี Capex น้อย แต่มี Retained Earnings สูง เราอาจจะเห็นวิธีการ Return to Shareholders ที่นอกเหนือจากเงินปันผลที่มาจากการดำเนินงานปกติ

ที่มาบทความ : www.facebook.com/Trinitysecuritiesgroup