อุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงานกำลังเคลื่อนไหว

การกำเนิดขึ้นของรถยนต์ EV (Electric Vehicles) หรือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงกระแสพลังงานโลกไปอย่างมาก จากประเด็นเรื่องพลังงานน้ำมันจะหมดโลก กลายเป็นตอนนี้แทบไม่ต้องกังวลเสียแล้ว เพราะถ้ารถยนต์สมัยใหม่ใช้ไฟฟ้าแทน โลกเรายังคงเหลือพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะสามารถเปลี่ยนมาเป็นพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมากมายมหาศาล

ความเสี่ยงหนึ่งที่จะเกิดขึ้นคือสถานีเชื้อเพลิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปั๊มแก๊ส ปั๊มน้ำมันที่เคยเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากของโลกก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะเมื่อไม่มีน้ำมันให้ต้องเติมอีกต่อไปแล้ว สถานีมากมายเหล่านั้นจะนำไปใช้ทำอะไรต่อ โดยสถานีจำนวนมากก็ขยับตัวหันมาจะทำปั๊มสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

Elon Musk ผู้บริหารระดับสูงของ TESLA บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลกเปิดเผยว่า ล่าสุดรถยนต์ไฟฟ้า TESLA model S สามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 670 ไมล์หรือเทียบเท่ากับ 1,078 กิโลเมตร ด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว

อธิบายเรื่องการชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้าก่อน

ปรกติการชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้าแบ่งเป็น 3 ลักษณะหลัก คือ Wake up fully charged หรือชาร์จไปจากที่บ้าน Supercharging หรือการแวะชาร์จระหว่างเดินทาง และ Destination charging หรือการไปชาร์จที่เป้าหมายของการเดินทาง

แน่นอนว่าปั๊มชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้าย่อมจัดเป็นประเภทที่ 2 คือ Supercharging หรือการแวะชาร์จระหว่างทาง แต่ในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างการขับรถได้ระยะไกล 1,000 กิโลเมตรจากการชาร์จครั้งเดียว หมายถึง หากเราชาร์จรถไปจากที่บ้านแล้ว เราก็สามารถขับรถจากกรุงเทพไปไกลถึงเชียงใหม่ได้อย่างสบายๆ ขากลับก็ใช้วิธีชาร์จที่บ้านหรือโรงแรมปลายทางเอา แบบนี้การใช้ Supercharging แทบจะหายออกไปจากการเดินทางเลย

ยิ่งรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาไปมากเท่าไหร่ ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จะมารองรับก็ต้องยิ่งพัฒนามากขึ้น อย่างโรงแรมหรือคอนโดมีเนียมเองก็ต้องหันมาพิจารณาเรื่องนี้หากต้องมีการชาร์จไฟรถไว้ค้างคืน หรือปั๊มน้ำมันเดิมก็คงต้องหันมาทางด้าน non-oil มากขึ้น โดยโฟกัสไปที่การเป็น mini-community area มากกว่าที่จะเป็นสถานีเชื้อเพลิงอย่างเต็มตัว

Supercharging จะสำคัญต่ออุตสาหกรรมนี้มากขนาดไหน ยิ่งรถยนต์พัฒนามากขึ้นไปเท่าไหร่ เราคงยิ่งเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นไปเท่านั้น

ลงทุนศาสตร์ – Investerest