
Finnomena Funds แนะนำเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ข่าวร้ายที่สุดผ่านเราไปแล้ว ในขณะที่ Trump มีท่าทีอ่อนลงชัดเจน พร้อมเคลื่อนไหวผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี่
Highlight
- มุมมองการลงทุน FundTalk Call ค้นหาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป
- มุมมองการลงทุน Mr.Messenger Call สร้างโอกาสทำกำไรระยะสั้น โดยใช้ปัจจัยเทคนิคจับจังหวะตลาด
- มุมมองการลงทุน MEVT Call พิจารณาปัจจัยรอบด้าน เพื่อโอกาสทำผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena
สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลกต่างกลับมาปรับตัวขึ้นแล้ว นำโดยหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) เพิ่มขึ้น 7.12% WoW หุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) เพิ่มขึ้น 2.53% WoW หุ้นยุโรป (Euro Stoxx 600) เพิ่มขึ้น 2.51% WoW หุ้นจีน H-Shares เพิ่มขึ้น 1.63% WoW รวมถึงราคา Bitcoin ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน
หลังจากที่ Donald Trump เลื่อนการขึ้นภาษีไป 90 วัน พร้อมหันมาเจรจา Make Deal ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และล่าสุดยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าสหรัฐฯ กําลังอยู่ระหว่างการเจรจากับจีน โดยคาดว่าจะมีข้อตกลงที่เป็นธรรมต่อกัน ส่งผลให้นักลงทุนคลายกังวลต่อความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ
กลยุทธ์การลงทุนของ Finnomena Funds จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “เข้าลงทุน” ในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Blockchain และ Crypto ตลอดจนหุ้นของประเทศที่จะได้รับประโยชน์จากธีมการเจรจา Trade Deal โดยสรุปมาให้ดังนี้
FundTalk Call “ได้เวลาย่อซื้อตอนตลาดปรับฐาน”
คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Contrarian Investor เน้นกลยุทธ์การลงทุนหาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป แต่ศักยภาพการเติบโตยังดี ประกอบกับมีลมหนุนที่ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวขึ้นได้ ทำให้มีโอกาสได้เข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก ตอนที่คนไม่เหลียวแล
1.) KT-BLOCKCHAIN-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้น Blockchain และ Crypto พร้อมรับประโยชน์จากนโยบายของ Trump ที่เริ่มเคลื่อนไหว ปรับปรุงกฎหมายการเสียภาษีจากการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล และตั้งประธาน SEC คนใหม่ ซึ่งเป็นคนที่มีแนวคิด Business-Friendly แสดงจุดยืนสนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซีอย่างชัดเจน
2.) TISCOAI (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้น AI และ Big Data โดยลงทุนครอบคลุมธีม AI กลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งจะมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต จากการที่โลกพัฒนาเข้าสู่ยุค Agentic AI รวมทั้งเป็นจังหวะเข้าเก็บสะสมในช่วงเวลาที่ Valuation กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
3.) MEGA10CHINA-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นจีนขนาดใหญ่ 10 ตัว ได้รับประโยชน์จากกระแส AI Boom ในจีน และยังมีแรงหนุนให้สร้างโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังช่วงที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลงมาจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจเข้าซื้อ โดยบรรยากาสการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เริ่มลดความตึงเครียดลงแล้ว
Mr.Messenger Call “จังหวะลงทุนในโมเมนตัมขาขึ้น”
คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ Trend Follower Investor มุ่งสร้างโอกาสทำกำไรในระยะสั้น-กลาง เน้นใช้ปัจจัยทางเทคนิคจับจังหวะตลาด ศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ในอดีต โดยใช้หลักสถิติคาดการณ์พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในอนาคต และหาจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม
1.) KT-BLOCKCHAIN-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้น Blockchain และ Crypto ซึ่งกลายสินทรัพย์เสี่ยงที่ใช้เป็นตัวแทนของหุ้นสหรัฐฯ พร้อมกับมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง หลังจากที่ Bitcoin ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน MACD ตัดขึ้นเหนือ Signal line บ่งชี้ถึง Buy signal ขณะที่ RSI เกิด Bullish divergence บ่งบอกว่ามีโอกาสที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้นได้
2.) B-BHARATA / TISCOINA-A และ PRINCIPAL VNEQ-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นอินเดียเติบโตแกร่ง พร้อมกับหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพสูงในอนาคต ถือเป็นหุ้นเอเชียในธีม Trade Deal ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดหากการเจรจาทางการค้าราบรื่น เตรียมรับกับ Fund Flow ไหลเข้าจำนวนมาก
3.) ABGFIX-A และ SCBFST (ความเสี่ยงระดับ 4)
กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์ สำหรับเป็น Risk Averse เพื่อกระจายความเสี่ยงในตลาดผันผวน พร้อมรับโอกาสการเก็งกำไรค่าเงิน USD/THB ที่มีแนวโน้มยืนแข็งค่าเหนือระดับ 34 บาท ได้ในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า
MEVT Call “เปิดโหมดเน้นสะสมเติบโตระยะยาว”
คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Long-Term Growth เพื่อสร้างโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในระยะกลาง-ยาว โดยพิจารณาปัจจัยรอบด้านตาม MEVT Framework ได้แก่ Macro ปัจจัยเชิงมหภาค, Earnings วิเคราะห์การเติบโตของกำไร, Valuation การวิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุน และ Technical
1.) PRINCIPAL VNEQ-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นเวียดนามศักยภาพสูง เป็นตลาดที่ถูกและดี พร้อมด้วย Sentiment จากการปรับโครงสร้างระบบราชการ ลดจำนวนบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ เวียดนามยังมีปัจจัยหนุนในการเตรียมเข้าสู่ EM Market ของดัชนี FTSE ในปีนี้
2.) B-BHARATA และ TISCOINA-A (ความเสี่ยงระดับ 6)
กองทุนหุ้นอินเดียเติบโตแกร่ง เป็นตลาดหุ้นที่สามารถเก็บสะสมได้ในระยะยาว หนุนโดยโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่มีศักยภาพเติบโตสูง และประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ถูกปรับเพิ่มขึ้น
3.) B-INNOTECH (ความเสี่ยงระดับ 7)
กองทุนหุ้นเทคโนโลยีคุณภาพดี เน้นคัดเลือกหุ้น Value Play โดยเข้าซื้อหุ้นเติบโตในจังหวะที่ราคาไม่แพง ทำให้กองทุนมีความผันผวนที่ต่ำกว่ากองทุนหุ้น Growth อื่น ๆ
ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299