หุ้นอินเดีย

อินเดียเคยถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งของเอเชีย เศรษฐกิจโตแรง ประชากรหนุ่มสาว และศักยภาพระยะยาวสูง แต่ในปีนี้กลับเป็นหนึ่งในตลาดที่แย่ที่สุด หุ้นขึ้นน้อย เงินรูปีอ่อนค่าสุดในเอเชีย และตามหลังตลาดเกิดใหม่ในระดับที่ไม่เคยเห็นมานานกว่า 30 ปี 

แต่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ สถาบันการเงินระดับโลกอย่าง Morgan Stanley, Citigroup และ Goldman Sachs ต่างคาดว่าอินเดียมีโอกาสรีบาวด์แรงในปี 2026

ปีนี้เกิดอะไรขึ้นกับอินเดีย?

หุ้นอินเดีย

หุ้นอินเดียตามหลังตลาดเกิดใหม่มากที่สุดในรอบหลายสิบปี | Source: Bloomberg

สาเหตุที่ผลงานอินเดียย่ำแย่มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กระทบผู้ส่งออกจนการส่งออกร่วงเกือบ 12% ต่อปี เงินรูปีอ่อนค่าลงกว่า 4.3% ทำสถิติต่ำสุดใหม่ และการไหลออกของเงินทุนต่างชาติราว 16,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งถูกหมุนไปลงทุนในจีน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดอินเดีย–จีนติดลบสูงถึง -0.7 

ผลลัพธ์คือ MSCI India ขึ้นเพียง 8.2% ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ปรับตัวแรงกว่า ส่งผลให้ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างอินเดียและ EM ติดลบ -18.78% หนึ่งในระดับที่แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2000

สัญญาณเริ่มดีขึ้น

หุ้นอินเดีย Valuation

Source: Finnomena Funds, Bloomberg, data as of 04/09/2025

แม้ภาพระยะสั้นจะดูไม่ดี แต่หลายสัญญาณเริ่มเปลี่ยนทิศ กำไรบริษัทใหญ่เริ่มฟื้นขึ้น 12% ในไตรมาสล่าสุด และไม่มีการปรับลดประมาณการเหมือนก่อน รัฐบาลและ RBI ออกมาตรการหนุนเศรษฐกิจ ทั้งการลดดอกเบี้ย 100 bps การเข้าซื้อพันธบัตรครั้งใหญ่ และการปฏิรูปภาษี GST เหลือเพียงสองอัตรา ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่ม Nominal GDP ได้ราว 0.6% ในปีหน้า

พื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง

เศรษฐกิจอินเดีย

Source: Reuters as of 28/11/2025

เศรษฐกิจจริงก็แข็งแกร่งกว่าที่มองจากภายนอก GDP ไตรมาสล่าสุดโตถึง 8.2% แม้จะโดนกดดันจากภาษีนำเข้า แต่สัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ ต่อ GDP ไม่สูงนัก และอินเดียยังมีตลาดในประเทศมหาศาลกว่า 1,400 ล้านคนเป็นกันชนสำคัญ 

ขณะเดียวกัน เงินทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับมาราว 1,700 ล้านดอลลาร์ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา สะท้อนว่ามุมมองต่ออินเดียเริ่มเปลี่ยน

การ Rotation จาก AI Trade

อีกแรงหนุนมาจากโอกาส Rotation จากหุ้น AI ที่ร้อนแรงทั้งปี หากกำไรเริ่มไม่สอดคล้องกับราคา นักลงทุนอาจย้ายเงินไปตลาดที่พึ่งพาเทคโนโลยีน้อยกว่าอย่างอินเดีย นักกลยุทธ์หลายรายมองว่าหากกระแส AI เย็นลง ตลาดอินเดียและเอเชียใต้จะยิ่งน่าสนใจขึ้น โดยเฉพาะเมื่อความสัมพันธ์กับจีนเป็นลบ และความร้อนแรงของจีนเริ่มชะลอ

สุดท้ายคือเรื่องค่าเงิน รูปีที่อ่อนถึงจุดต่ำสุดอาจใกล้หยุดลง ING มองว่ารูปีเป็นหนึ่งในสกุลเงินเอเชียที่มีแนวโน้มรีบาวด์มากที่สุด ขณะที่ RBI ส่งสัญญาณว่าการอ่อนค่าเฉลี่ย 3–3.5% ต่อปีอาจเป็นกรอบที่เหมาะสม นักลงทุนจึงเริ่มประเมินว่าความเสี่ยงค่าเงินอาจลดลง และตราสารหนี้ท้องถิ่นมีโอกาสได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยโลกที่เสถียรขึ้น

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าผลงานอินเดียที่ตามหลังตลาดเกิดใหม่ในรอบหลายสิบปีอาจกำลังเข้าใกล้จุดเปลี่ยน และทำให้อินเดียกลับมาอยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนทั่วโลกในปี 2026 ได้อีกครั้ง

โอกาสลงทุนกองทุนหุ้นอินเดีย

Mr.Messenger Call แนะนำสะสมหุ้นอินเดีย ผ่านกองทุน B-BHARATA และ TISCOINA-A ด้วยสัญญาณทางเทคนิคเชิงบวก รวมทั้งความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่ช่วยผลักดันตลาดหุ้นอินเดียในระยะยาว

B-BHARATA

กองทุนรวมหุ้นอินเดีย ที่ลงทุนผ่านกองทุน RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II ซึ่งเน้นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย

TISCOINA-A

ลงทุนในหุ้นอินเดียผ่าน 3 กองทุนหลักที่คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up คือ

  1. Nomura Funds Ireland plc India Equity Fund คัดเลือกหุ้นจากพื้นฐานเป็นหลัก ประมาณ 25-30 ตัว จาก Universe ประมาณ 240 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่
  2. FSSA Indian Subcontinent Fund เน้นลงทุนในบริษัที่ประกอบธุรกิจในอินเดีย, ศรีลังกา, ปากีสถาน และบังคลาเทศ โดยเน้นลงทุนประมาณ 50 ตัว กระจายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
  3. Goldman Sachs India Equity Portfolio เลือกหุ้นประมาณ 70-100 ตัว จาก Universe ประมาณ 700 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

อ้างอิง: Reuters, Bloomberg

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Tax Cal