KFCHINA-T10PLUS-A

แนะนำกองทุน KFCHINA-T10PLUS-A ค้นหาหุ้นเทคโนโลยีจีนชั้นนำเพียง 10-11 บริษัท แล้วจัดสัดส่วนการลงทุนแบบ Equal Weighting พร้อมทบทวนพอร์ตทุกไตรมาส เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสเติบโตไปกับเทคโนโลยีจีนที่กำลังเขย่าโลก

ภาพรวมด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน กำลังดูมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการเจรจาล่าสุดที่เกิดขึ้น ณ ประเทศเกาหลีใต้ สหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าสำคัญในหลายด้าน เช่น จีนจะกลับมาซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ, สหรัฐฯ จะลดภาษี Fentanyl, จีนจะยกเลิกการควบคุมการส่งแร่ธาตุห Rare Earths และหลังจากการเจรจา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าผลลัพธ์การเจรจาออกมาดีกว่าคาด และกล่าวว่าอาจมีการเจรจาเพิ่มเติมอีกในอนาคต

เมื่อแรงกดดันเริ่มคลาย ความคาดหวังในตลาดจีนก็เริ่มฟื้นตัว

ตลาดเทคโนโลยีขนาดใหญ่เริ่มมีสัญญาณบวกชัดเจน โดยเฉพาะหุ้นที่เคยถูกกดราคาเกินพื้นฐาน (Valuation) จนแตะจุดต่ำสุด แต่ยังมีกำไรเติบโตอย่างแข็งแรง การฟื้นตัวครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียง “รีบาวด์ตามข่าวดี” แต่สะท้อนโมเมนตัมที่เปลี่ยนฝั่งอย่างแท้จริง

สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือ “บริบทมหภาค” ที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ จีนไม่เพียงแต่ได้รับอานิสงส์จากบรรยากาศการค้าที่ยืดหยุ่นขึ้น แต่ยังได้รับแรงขับเคลื่อนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งฝั่งผู้บริโภคและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ใน Hang Seng Tech Index ซึ่งครอบคลุมบริษัทตั้งแต่ชิป รถยนต์ไฟฟ้า เกม ค้าปลีกออนไลน์ ไปจนถึงแพลตฟอร์มท่องเที่ยว ต่างเริ่มกลับมามีโมเมนตัมอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เช่น E-Commerce และบริการออนไลน์ รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลดีตรงจากการปลดล็อก Rare Earth เช่น Semiconductor และอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า

ทั้งหมดนี้ทำให้ภาพรวมของ “หุ้นเทคโนโลยีจีน” ดูแข็งแรงขึ้นกว่าที่ตลาดเคยประเมิน

โอกาสลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีน ผ่านกองทุน KFCHINA-T10PLUS-A

KFCHINA-T10PLUS-A

KFCHINA-T10PLUS-A หรือ กองทุนเปิดกรุงศรี China Tech 10 Plus หน่วยลงทุนชนิดสะสมมูลค่า เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีจีน ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange: HKEX) โดยเน้นเฉพาะธุรกิจมีความเกี่ยวข้องกับธีมเทคโนโลยี 

กองทุนใช้วิธีคัดหุ้นแบบเน้นคุณภาพ เลือกหุ้นเทคโนโลยีจีนตั้งแต่ 10 ถึง 11 บริษัทในดัชนี Hang Seng Tech Index โดยให้ความสำคัญกับบริษัทที่มี Market Cap สูง สภาพคล่องดี และมีศักยภาพเติบโต ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น Consumer Tech, EV, ผู้พัฒนาเกม และหุ้นผู้ผลิตชิป

Rule-based Portfolio

Source: เอกสารแนะนำกองทุน KFCHINA-T10PLUS-A บลจ.กรุงศรี

กองทุนใช้วิธีการลงทุนแบบ Rules-based Approach คือคัดเลือกและจัดพอร์ตตามเกณฑ์ที่กำหนดอย่างมีวินัย เพื่อมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนที่เติบโตเหนือดัชนีอ้างอิงในระยะยาว (Active Management) โดยยึดแนวทางสำคัญดังนี้

  1. เกณฑ์การคัดเลือก

คัดเลือกหุ้น ประมาณ 10-11 อันดับแรกจากดัชนี โดยพิจารณาจากปัจจัยด้านมูลค่าตลาดเป็นหลัก ยกเว้นกรณีหุ้นไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาต่าง ๆ ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีหลักการ ไม่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกหรืออารมณ์ของผู้จัดการกองทุน

  1. รักษาสัดส่วนอย่างสม่ำเสมอ

ใช้หลักการ Cash Flow Rebalance เพื่อรักษาน้ำหนักในแต่ละหลักทรัพย์ให้ใกล้เคียงพอร์ตการลงทุนเป้าหมาย เพื่อเข้าถึงศักยภาพของแต่ละหลักทรัพย์อย่างเท่าเทียม เสริมโอกาสการลงทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์

  1. ทบทวนพอร์ตตามรอบของดัชนี

ปรับพอร์ตการลงทุนเป็นรายไตรมาส ซึ่งเป็นความถี่เดียวกับการทบทวนหลักทรัพย์ของดัชนีอ้างอิง ช่วยให้มั่นใจว่ากองทุนยังคงมีสัดส่วนในหุ้นชั้นนำ สอดคล้องตามเป้าหมายการลงทุนอยู่เสมอ

เสริมความแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่าง

KFCHINA-T10PLUS-A กลยุทธ์

Source: เอกสารแนะนำกองทุน KFCHINA-T10PLUS-A บลจ.กรุงศรี

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ KFCHINA-T10PLUS-A แตกต่างจากกองทุนธีมเทคโนโลยีจีนทั่วไป คือการออกแบบพอร์ตที่มี “ความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพ และโอกาสเติบโต” มากกว่าเดิม ผ่าน 3 กลยุทธ์หลักที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการสร้างผลตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรม

  1. เพิ่มความยืดหยุ่น

กองทุนขยายจำนวนหุ้นที่ถือเป็น 10–11 บริษัท ทำให้ไม่ต้องอัดน้ำหนักไว้แค่ไม่กี่ตัว และเปิดโอกาสให้ผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีจีนที่เปลี่ยนเร็ว การมีพอร์ตที่ยืดหยุ่นจึงช่วยรับมือกับความผันผวน และเพิ่มโอกาสเลือกหุ้นที่ใช่ในจังหวะที่เหมาะสม

  1. เพิ่มประสิทธิภาพ

อีกจุดที่น่าสนใจคือการลงทุนใน Hang Seng Tech  ETF บางส่วน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องแทนเงินสด ทำให้กองทุนสามารถรักษาความสอดคล้องกับจังหวะตลาดได้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสเข้าร่วมโมเมนตัมของตลาดเทคจีนในช่วงที่มีแรงหนุน

  1. เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน

กองทุนลดสัดส่วนเงินสดลง เพื่อให้เงินลงทุนทำงานเต็มประสิทธิภาพ ช่วยขยายโอกาสรับผลตอบแทน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกลับมาไหลเข้าในหุ้นเติบโตและหุ้นเทค ซึ่งมักดีดตัวแรงเมื่อความเชื่อมั่นเริ่มฟื้นตัว

เข้าถึงโอกาสลงทุนในหุ้นจีนชั้นนำ

หุ้นเทคจีน

Source: เอกสารแนะนำกองทุน KFCHINA-T10PLUS-A บลจ.กรุงศรี | Hang Seng Indexes ณ สิ้นเดือน เมษายน 2025

หากใครกำลังมองหาโอกาสลงทุนในหุ้นจีนศักยภาพสูง กองทุน KFCHINA-T10PLUS-A ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเน้นลงทุนในหุ้นเทคไม่ต่ำกว่า 10 และไม่ถึง 15 บริษัทที่อยู่ภายใต้ Hang Seng Tech Index ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนไว้

หากคุณกำลังมองหาโอกาสลงทุนในหุ้นจีนที่มีศักยภาพ การเลือกลงทุนผ่านกองทุนที่เน้นหุ้นในดัชนี Hang Seng Tech Index ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ ดัชนีนี้รวบรวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกงไว้ด้วยกัน ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นคุณภาพที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนได้ในครั้งเดียว โดยกองทุนจะกระจายการลงทุนไปยังหุ้นเด่นหลายกลุ่ม ทั้งอีคอมเมิร์ซ คลาวด์ เกมออนไลน์ รถยนต์ไฟฟ้า และบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยของจีน ช่วยให้พอร์ตเข้าถึงโอกาสเติบโตของตลาดจีนที่ยังมีศักยภาพอีกมากในระยะยาว

ดัชนี Hang Seng Tech Index คืออะไร

Hang Seng Tech Index เป็นดัชนีที่ออกแบบมาเพื่อเป็นตัวชี้วัดสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีน โดยคัดสรรหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่สุด 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง ซึ่งรวมถึงยักษ์ใหญ่ที่หลายอาจรู้จัก เช่น Alibaba, Tencent, Meituan, JD.com และ Xiaomi ที่ต่างมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของจีน

ทำไม Hang Seng Tech Index ถึงน่าสนใจ

ดัชนีนี้แม้จะโฟกัสที่หุ้นเทคโนโลยี แต่ก็กระจายการลงทุนไปในหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็น

  • การขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous) ที่กำลังพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ 
  • Cloud Computing ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจยุคใหม่
  • Digital Transformation ที่เปลี่ยนวิธีการทำงานของทุกอุตสาหกรรม
  • E-Commerce ที่ครองตลาดค้าปลีกออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
  • FinTech ที่ปฏิวัติระบบการเงินและการชำระเงิน 
  • รวมถึงอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารที่เชื่อมโยงผู้คนหลายพันล้านคน

อีกหนึ่งศักยภาพคือขนาดของตลาด จีนมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน และมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 1,000 ล้านคน ซึ่งหมายความว่าบริษัทเทคโนโลยีจีนมีตลาดในประเทศที่ใหญ่มหาศาล 

นอกจากนี้ พวกเขายังขยายธุรกิจไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ละตินอเมริกา และแอฟริกาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

หุ้น Top 10 ของ Hang Seng Tech Index

*ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2025: รายชื่อหุ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง

  1. Xiaomi

หนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก Xiaomi ไม่ได้ขายแค่มือถือ แต่สร้างอีโคซิสเต็มอุปกรณ์อัจฉริยะที่เชื่อมถึงกันทั่วบ้าน ทำให้บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดทั้งในจีนและต่างประเทศ ด้วยสินค้าราคาเข้าถึงง่ายและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

  1. Tencent

บริษัทที่เปลี่ยนวิธีสื่อสารและเล่นเกมของคนจีน Tencent คือเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง WeChat และผู้พัฒนาเกมระดับโลกหลายเกม รายได้ของบริษัทมาจากทั้งเกมออนไลน์ โฆษณา และบริการด้านคลาวด์ ทำให้ Tencent กลายเป็นแกนกลางของเศรษฐกิจดิจิทัลในจีน

  1. Alibaba

ยักษ์ใหญ่ที่เป็นหัวใจของ E-Commerce จีน Alibaba สร้างระบบโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศและเป็นผู้นำในธุรกิจ Cloud Computing ผ่าน Alibaba Cloud ทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมเติบโตตามการใช้จ่ายออนไลน์และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจจีน

  1. SMIC

หนึ่งในผู้ผลิตชิปที่สำคัญที่สุดของจีน SMIC มีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์เพราะช่วยลดการพึ่งพาต่างชาติในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แม้เผชิญข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี แต่ความต้องการชิปภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีโอกาสเติบโตระยะยาว

  1. Meituan

แพลตฟอร์มสั่งอาหารและบริการไลฟ์สไตล์เบอร์หนึ่งของจีน Meituan ช่วยให้คนเมืองใช้ชีวิตสะดวกขึ้น ตั้งแต่สั่งอาหาร ส่งของ จองร้าน ไปจนถึงจองโรงแรม ด้วยจำนวนคำสั่งซื้อระดับมหาศาล บริษัทจึงมีฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งเหนือคู่แข่ง

  1. JD.com

หนึ่งในบริษัท E-Commerce ชั้นนำที่เน้นด้านการค้าปลีกคุณภาพสูง JD.com มีความโดดเด่นด้านระบบคลังสินค้าและการจัดส่งที่รวดเร็วแม่นยำ ทำให้แบรนด์ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคจีน ธุรกิจนี้เติบโตควบคู่กับพฤติกรรมซื้อของออนไลน์ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

  1. Kuaishou

แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ Douyin (TikTok) Kuaishou เติบโตจากการเข้าถึงเมืองรองและผู้ใช้นอกเมืองใหญ่ ด้วยคอนเทนต์ที่จับต้องได้ง่าย ทำให้บริษัทมีฐานผู้ใช้งานจำนวนมากและกลายเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นหลักของเศรษฐกิจครีเอเตอร์ในจีน

  1. Li Auto

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นเทคโนโลยีใช้งานจริง Li Auto โดดเด่นด้วยรถครอบครัวที่มีพื้นที่กว้าง เทคโนโลยีล้ำสมัย และราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าคู่แข่งระดับพรีเมียม ทำให้บริษัทได้รับความนิยมสูงในกลุ่มครอบครัวเมืองใหญ่ของจีน

  1. Xpeng

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลักดันเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะ Xpeng มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านซอฟต์แวร์ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และดีไซน์ที่เน้นความล้ำสมัย บริษัทจึงถูกจับตามองว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สามารถแข่งกับ Tesla ในตลาดจีนได้

  1. NetEase

หนึ่งในบริษัทเกมรายใหญ่ที่สุดของโลก NetEase มีจุดแข็งทั้งด้านเกมออนไลน์ เพลงดิจิทัล และระบบคลาวด์ บริษัทสร้างเกมคุณภาพสูงที่ได้รับความนิยมทั้งในจีนและต่างประเทศ ทำให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องจากฐานผู้เล่นมหาศาล

จุดเด่นกองทุน KFCHINA-T10PLUS-A

  1. High Conviction – ลงทุนเน้นหุ้นเทคจีนตัวท็อป

กองทุนเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีจีนชั้นนำที่มีศักยภาพเติบโตสูงและเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม เช่น Meituan, Kuaishou, Li Auto, Xiaomi และ Alibaba

  1. Rule-based Portfolio – คัดเลือกหุ้นด้วยเกณฑ์ชัดเจน

ใช้วิธี Rules-based Approach ในการคัดเลือกหุ้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ช่วยลดอคติของผู้จัดการกองทุนและสร้างความสม่ำเสมอในการลงทุน

  1. High-quality Focus – ลงทุนโฟกัสแบบเน้นคุณภาพ

คัดเลือกหุ้นเทคโนโลยีจีนชั้นนำจำนวน 10–11 บริษัทจาก Hang Seng Tech Index โดยให้ความสำคัญกับบริษัทที่มี Market Cap สูง สภาพคล่องดี และศักยภาพเติบโตแข็งแรง

เหมาะกับใคร

1. ผู้ที่มองเห็นศักยภาพในธีมเทคโนโลยีจีน

กองทุนเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีนคุณภาพสูง เช่น Meituan, Kuaishou, Li Auto, Xiaomi และ Alibaba ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่เติบโตเร็วและมีนวัตกรรมขั้นสูง สอดรับกับเมกะเทรนด์อย่าง Digitalization, AI, EV และ IoT

2. ผู้ที่มองหาโอกาสในหุ้นผู้นำอุตสาหกรรม

กองทุนคัดเลือกหุ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด (Rules-based Approach) เน้นหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์สูงและสภาพคล่องดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

3. ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดเทคโนโลยีจีน

กองทุนคัดเลือกหุ้นจีนคุณภาพสูงที่อยู่ใน Hang Seng Tech Index ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงโอกาสเติบโตของตลาดเทคโนโลยีจีน 

รายละเอียดสำคัญอื่น ๆ

  • ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
  • นโยบายปันผล ไม่จ่าย
  • ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.00%
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ยังไม่เรียกเก็บ
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.6050% ต่อปี
  • รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.7976% ต่อปี
  • ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 31/10/2025

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds


อ้างอิง: Reuters, China Briefing, Krungsri Asset Management

คำเตือน: กองทุนนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน รวมถึงศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน RMF ตามคู่มือการลงทุนและข้อกำหนดของกรมสรรพากร กรณีไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษีจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด| ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299


อ้างอิง: Reuters, China Briefing, Krungsri Asset Management

คำเตือน: กองทุนนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน รวมถึงศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน RMF ตามคู่มือการลงทุนและข้อกำหนดของกรมสรรพากร กรณีไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษีจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด| ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Tax Cal