โพยกองทุน SSF RMF สายสวนตลาด

ใกล้สิ้นปีแล้ว… ใครที่กำลังมองหากองทุนลดหย่อนภาษี ไม่ว่าจะเป็น SSF หรือ RMF แต่ยังเลือกไม่ได้ ตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้จะซื้อกองทุนไหนดี?

บทความนี้จะมาแนะนำกองทุนลดหย่อนภาษี สำหรับนักลงทุนสาย The Contrarian Investor โดยเฉพาะ 

ทั้งนี้ The Contrarian Investor คือ สไตล์การลงทุนแบบสวนตลาด โดยเน้นเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบระยะสั้น แต่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังคงดีอยู่ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นสายที่ชอบแสวงหา “ของดีราคาถูก” นั่นเอง

ลองถามตัวเองดูก่อนว่าคุณเชื่อมั่นในสไตล์การลงทุนรูปแบบนี้ไหม หากคำตอบคือใช่ เราได้รวบรวมกองทุนแนะนำที่เหมาะสมมาให้แล้ว ดังนี้

Highlight กองทุนลดหย่อนภาษีรายกอง

  1. K-CHINA-SSF
  2. B-ASIASSF
  3. PRINCIPAL iPROPEN-SSF
  4. KFCHINARMF
  5. B-ASIARMF
  6. B-IR-FOFRMF

เปิดบัญชีกองทุนลดหย่อนภาษี กับ FINNOMENA FUNDS วันนี้ รับฟรี ! 30 FINT* ได้ฟิน 2 ต่อ ทั้งลดหย่อนภาษี และสะสม FINT 

ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีได้ง่าย ๆ ทั้งกองทุน SSF และ RMF มีให้เลือกกว่า 21 บลจ. ในที่เดียว และยังมีความเป็นกลางในการคัดสรรกองทุนมาแนะนำให้กับนักลงทุน ที่ FINNOMENA FUNDS เท่านั้น

เปิดบัญชี คลิก : https://finno.me/fint-tax-oa-ws

ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 30 กันยายน 2566
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

แนะนำกองทุน SSF แบบ The Contrarian Investor

โพยกองทุน SSF RMF สายสวนตลาด

K-CHINA-SSF

นโยบายการลงทุน

กองทุนหุ้นจีน All China แบบ Active ลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – China Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่มีการตั้งถิ่นฐานหรือดำเนินธุรกิจในประเทศจีน และได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของรัฐบาลจีน

จุดเด่นและความน่าสนใจ

  • ใช้กลยุทธ์คัดเลือกหุ้นแบบ bottom-up ที่มีศักยภาพการเติบโตเหนือกว่าคู่แข่งอย่างยั่งยืน 
  • เน้นการลงทุนบนเป้าหมายการเติบโตในระยะ 5 ปีขึ้นไป จากการวิเคราะห์อย่างเข้มข้น และส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เช่น Tencent, Alibaba, Meituan เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
  • อุตสาหกรรมที่กองทุนให้น้ำหนักมากที่สุด คือ Consumer Discretionary ซึ่งจะได้รับประโยชน์มหาศาล หากการบริโภคภายในประเทศจีนฟื้นกลับมา

ลงทุนขั้นต่ำและค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท และครั้งถัดไป 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุน (Management Fee): 1.07% ต่อปี
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.16% ต่อปี

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก 

  1. Tencent 9.60%
  2. Meituan 6.30%
  3. Alibaba 4.80%
  4. NetEase 3.80%
  5. JD.com 3.60%

Source: K-CHINA-SSF Fund Fact Sheet as of 30/07/2023 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิก 

B-ASIASSF

นโยบายการลงทุน

กองทุนหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) แบบ Active ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Invesco Funds – Invesco Asian Equity Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งเน้นลงทุนให้หุ้นเอเชียที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง และกระจายพอร์ตลงทุนแบบมืออาชีพ

จุดเด่นและความน่าสนใจ

  • เน้นลงทุนในหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และเป็นหุ้นที่ตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก โดยจะเลือกเข้าลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดมีความกังวล และหาโอกาสขายทำกำไรในช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น
  • สร้างผลตอบแทนระยะยาวสอดคล้องไปกับการเติบโตของภูมิภาคเอเชีย ด้วยการมองหาบริษัทที่มีรูปแบบธุรกิจยั่งยืน และมีงบดุลแข็งแกร่ง 
  • ให้น้ำหนักสัดส่วนพอร์ตไปที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การเงิน และสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนประเทศที่ลงทุนเป็นหลัก ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย

ลงทุนขั้นต่ำและค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท และครั้งถัดไป 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุน (Management Fee): 0.09% ต่อปี
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.16% ต่อปี

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก 

  1. TSMC 8.20%
  2. Samsung Electronics 7.40 %
  3. Tencent 5.40%
  4. Housing Development Finance 4.10%
  5. Alibaba 3.80%

Source: B-ASIASSF Fund Fact Sheet as of 02/08/2023 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิก 

PRINCIPAL IPROPEN-SSF

นโยบายการลงทุน

กองทุนที่ลงทุนใน REITs หน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

จุดเด่นและความน่าสนใจ

  • มีการลงทุนใน REITs ในไทยและสิงคโปร์ ทำให้ช่วยกระจายการลงทุน ไม่กระจุกตัวในตลาดเดียว
  • เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอยู่ในภาคส่วนที่มั่นคง มีการเติบโต ความผันผวนต่ำ
  • เน้นคัดเลือกเป็นรายสินทรัพย์ โดยให้ความสำคัญกับ Valuation เป็นหลัก ไม่เร่งซื้อตามตลาด แต่หาโอกาสเข้าสะสมเมื่อราคาปรับตัวลง

ลงทุนขั้นต่ำและค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุน (Management Fee): 0.963% ต่อปี
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.56% ต่อปี

สัดส่วนสินทรัพย์หลัก 5 อันดับแรก

  1. GOODMAN GROUP 9.50%
  2. STOCKLAND 4.14%
  3. Ascendas REIT 3.62%
  4. LINK REIT 3.55%
  5. Scentre Group 3.51% 

Source: PRINCIPAL iPROPEN-SSF Fund Fact Sheet as of 31/07/2023 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิก 

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

แนะนำกองทุน RMF แบบ The Contrarian Investor

โพยกองทุน SSF RMF สายสวนตลาด

KFCHINARMF

นโยบายการลงทุน

กองทุนหุ้นจีน All China แบบ Active ลงทุนในกองทุนหลัก FSSA Greater China Growth Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งจะลงทุนในบริษัทที่มีแหล่งรายได้ในประเทศจีน ฮ่องกง หรือไต้หวัน 

จุดเด่นและความน่าสนใจ

  • เน้นลงทุนบนเป้าหมายการเติบโตในระยะ 5 ปีขึ้นไป จากการวิเคราะห์อย่างเข้มข้น เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
  • ใช้ชุดคำถาม Checklist กว่า 100 ข้อ สำหรับคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจ บนมุมมองที่แข็งแกร่ง

ลงทุนขั้นต่ำและค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท และครั้งถัดไป 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุน (Management Fee): 0.8% ต่อปี
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1% ต่อปี

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก 

  1. TSMC 8.60%
  2. Tencent 5.80%
  3. Midea Group 5.50%
  4. AIA Group 5.00%
  5. Ping An Insurance 4.20% 

Source: KFCHINARMF iPROPEN-SSF Fund Fact Sheet as of 31/07/2023 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิก 

B-ASIARMF

นโยบายการลงทุน

กองทุนหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) แบบ Active ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Invesco Funds – Invesco Asian Equity Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งเน้นลงทุนให้หุ้นเอเชียที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง และกระจายพอร์ตลงทุนแบบมืออาชีพ

จุดเด่นและความน่าสนใจ

  • เน้นลงทุนในหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และเป็นหุ้นที่ตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก โดยจะเลือกเข้าลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดมีความกังวล และหาโอกาสขายทำกำไรในช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น
  • สร้างผลตอบแทนระยะยาวสอดคล้องไปกับการเติบโตของภูมิภาคเอเชีย ด้วยการมองหาบริษัทที่มีรูปแบบธุรกิจยั่งยืน และมีงบดุลแข็งแกร่ง 
  • ให้น้ำหนักสัดส่วนพอร์ตไปที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การเงิน และสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนประเทศที่ลงทุนเป็นหลัก ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย

ลงทุนขั้นต่ำและค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท และครั้งถัดไป 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุน (Management Fee): 1.43% ต่อปี
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.73% ต่อปี

สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก 

  1. TSMC 7.90%
  2. Samsung Electronics 7.10 %
  3. Tencent 5.70%
  4. Housing Development Finance 4.20%
  5. Alibaba 3.80%

Source: B-ASIARMF Fund Fact Sheet as of 31/07/2023 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิก 

B-IR-FOFRMF

นโยบายการลงทุน

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยและต่างประเทศ บริหารแบบ Active ที่เน้นลงทุนในหน่วย Property/ REITs/ หน่วย Infra โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV เพื่อเป้าหมายการสร้างผลตอบแทนทั้งปันผล และส่วนต่างราคา (Capital Gain) ที่ดีในระยะยาว

จุดเด่นและความน่าสนใจ

  • มีความผันผวนต่ำกว่ากองทุนในประเภทเดียวกัน แต่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า (ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2020) ซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของกองทุนสินทรัพย์ทางเลือก
  • อสังหาฯ ไทยและสิงคโปร์ ยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง แต่การที่กลับมาเปิดเมืองอย่างเต็มที่แล้ว จึงมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อจากนี้
  • ผู้จัดการกองทุนมีระบบและจุดชี้วัดที่ใช้ในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจน

ลงทุนขั้นต่ำและค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท และครั้งถัดไป 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end Fee): ยกเว้น
  • ค่าใช้จ่ายกองทุน (Management Fee): 1% ต่อปี
  • ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.44% ต่อปี

สัดส่วนสินทรัพย์หลัก 5 อันดับแรก

  1. CapitaLand Ascendas REIT 8.55%
  2. FTREIT 7.49%
  3. WHART 7.45%
  4. CapitaLand Integrated Commercial Trust 6.40%
  5. Mapletree Pan Asia Commercial Trust 4.69% 

Source: B-IR-FOFRMF Fund Fact Sheet as of 31/07/2023 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิก 

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

โพยกองทุน SSF RMF สายสวนตลาด

เลือกลงทุนกองทุนประหยัดภาษีทั้ง SSF และ RMF จากหลากหลาย บลจ. บนแพลตฟอร์มการลงทุนที่เป็นกลาง 

ดูกองทุนแนะนำ คลิก https://finno.me/tax-saving-fund-ws


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน| การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | บางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”