โพยกองทุนลดหย่อนภาษี 2025 ล่าสุด

ลดหย่อนภาษีปีนี้ ซื้อกองทุนอะไรดี? สรุปมาให้แล้วแบบครบ ๆ กองทุนแนะนำ RMF และกองทุน Thai ESG จากหลากหลาย บลจ. ด้วยคำแนะนำการลงทุนที่เป็นกลาง อัปเดตใหม่ล่าสุดส่งท้ายปลายปี 2025

สารบัญ RMF รายกอง (คลิกชื่อกองที่สนใจได้เลย)

  1. หุ้นสหรัฐอเมริกา: KF-US-PLUSRMF
  2. หุ้นโลกเน้นชนะตลาด: KKP GNP RMF-UH
  3. หุ้นโลกมูลค่าเหมาะสม: K-GSELECTRMF
  4. จัดพอร์ตผสม: ES-GAINCOMERMF
  5. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเน้น AI และ Big Data: TAIRMF-A
  6. หุ้นกลุ่ม Blockchain และ Digital Asset: ASP-DIGIBLOCRMF
  7. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี: B-INNOTECHRMF
  8. หุ้นกลุ่มสุขภาพ: SCBRMGHC
  9. หุ้นเอเชียตลาดเกิดใหม่: B-ASIARMF
  10. หุ้นจีน All China: SCBRMMLCA
  11. หุ้นอินเดีย: B-INDIAMRMF
  12. หุ้นเวียดนาม: PRINCIPAL VNEQRMF
  13. หุ้นไทยปันผลสูง: THDRMF-A
  14. ตราสารหนี้โลก: K-GDBONDRMF
  15. ตราสารหนี้ไทย: KKP INRMF 
  16. ทองคำ: BGOLDRMF

สารบัญ Thai ESG รายกอง (คลิกชื่อกองที่สนใจได้เลย)

  1. ตราสารหนี้ไทย: K-ESGBF-ThaiESG
  2. กองทุนผสม: KTAG70/30-ThaiESG
  3. หุ้นไทย Active: TDSThaiESG-A

 

สำหรับสายจัดพอร์ต (Asset Allocation) ห้ามพลาด !! กองทุนจัดชุด RMF ปี 2025 คัดให้ครบทั้งกลยุทธ์เสี่ยงสูง กลาง ต่ำ ได้ที่

www.finnomena.com/finnomenafunds/rmf-series-package


สรุปโพยกองทุน RMF แนะนำ

โพยกองทุนลดหย่อนภาษี 2025 RMF Finnomena

มุมมองการลงทุนโดย Finnomena Funds ณ เดือนพฤศจิกายน 2025

หุ้นสหรัฐอเมริกา: KF-US-PLUSRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds – US Select Equity Plus Fund ซึ่งคัดเลือกหุ้นสหรัฐอเมริกา โดยมีตั้งเป้าหมายให้ผลการดำเนินงานใกล้เคียงหรือดีกว่าดัชนี S&P500 บนความผันผวนที่ใกล้เคียงกัน 
  2. กลยุทธ์ที่สำคัญคือ Long-Short Extension โดยพอร์ตหลัก (Core Portfolio) จะลงทุน Long ในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเชิงบวก 100% และเพิ่มพอร์ตส่วนขยาย (Extension Portfolio) ด้วยการขาย Short ในหุ้นที่มองเป็นลบ 30% แล้วนำเงินที่ได้ไป Long เพิ่มในหุ้นที่มองเป็นบวกอีก 30% ทำให้มี Net Market Exposure สุทธิที่ 100% 
  3. การคัดเลือกหุ้นจะเน้นวิเคราะห์เชิงลึกปัจจัยพื้นฐาน (Bottom-up) มากกว่า 80% รวมถึงมีกลยุทธ์สร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ที่สำคัญคือ Pair Trades ซึ่งเป็นการสร้างคู่ Long และ Short ภายในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นโลก: KKP GNP RMF-UH

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Capital Group – New Perspective Fund ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ซึ่งมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของโลกอนาคต
  2. มีสไตล์การลงทุนที่สร้าง Alpha ในระยะยาว พร้อมกับรักษาความผันผวนของพอร์ตให้ไม่สูงเกินไป โดยผลตอบแทนมีความสัมพันธ์กับหุ้นโลก MSCI ACWI
  3. บริหารโดยทีมที่มีประสบการณ์มากกว่า 50 ปี โดย Portfolio Turnover ค่อนข้างต่ำเฉลี่ยที่ 25% และมีหุ้นกว่า 60% ถือครองมานานกว่า 5 ปี
  4. เลือกหุ้นแบบ Bottom-Up บริหารแบบ Multi-Manager ทำให้ครอบคลุมการลงทุนในหุ้นที่หลากหลาย มีการกระจายการลงทุนสูงมาก มีความต่อเนื่องของกลยุทธ์ และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตัวผู้จัดการกองทุนรายเดียว ซึ่งเป็นความเสี่ยงทั่วไปของกองทุนส่วนใหญ่

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นโลก: K-GSELECTRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ราคาอยู่ในระดับเหมาะสม และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในวัฏจักรหุ้น Growth หรือ Value
  2. ใช้กลยุทธ์ Bottom-Up คัดเลือก 70-100 หลักทรัพย์ บริหารจัดการเชิงรุก (Active Management) เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี MSCI World Net Return Index 
  3. หุ้นที่จะเข้าลงทุนต้องผ่านการวิเคราะห์ด้วยกรอบการลงทุนที่เข้มงวด และวัดความสม่ำเสมอ ผสมผสานกับการประเมินด้าน ESG โดยเน้นคัดเลือกหุ้นโลกแบบ Best Idea จากทีม JPMAM Research ที่มีบทวิเคราะห์ครอบคลุมหุ้นทั่วโลกมากกว่า 2,500 ตัว 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

จัดพอร์ตผสม: ES-GAINCOMERMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Amundi Funds – Income Opportunities ซึ่งมีกลยุทธ์แบบ Global Multi-Asset Allocation เน้นลงทุนตราสารทุนไม่เกิน 60% และสามารถลงทุนในตราสารหนี้ได้ถึง 100% ในบางช่วงเวลา 
  2. บริหารโดย ‘Marco Pirondini’ ที่มีประสบการณ์ลงทุนมากกว่า 25 ปี และทีมงาน Portfolio Management ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมากกว่า 15 ปี 
  3. มีสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้หลากหลายทั่วโลก คัดเลือกให้เหมาะสมตามแต่ละช่วงเวลา และเน้นสร้างกระแสเงินสดจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
  4. ลดผลกระทบจาก Downside ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตต่ำ เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง จากการมีตราสารบางประเภทที่ให้ Yield สูงขึ้นในช่วงตลาดผันผวน อาทิ Structure Note เป็นต้น

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นกลุ่ม AI และ Big Data: TAIRMF-A

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Xtrackers Artificial Intelligence & Big Data UCITS ETF โดยมีวัตถุประสงค์สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี Nasdaq Global Artificial Intelligence and Big Data 
  2. สะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence), การประมวลผลข้อมูล (Data Processing) และความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ 
  3. จุดเด่นของกองทุนคือการเน้นให้คะแนนการคัดเลือกหุ้นจากการจดสิทธิบัตรด้าน AI (Patents) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าบริษัทได้ประโยชน์ด้าน AI อย่างแท้จริง 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นกลุ่ม Blockchain และ Digital Asset: ASP-DIGIBLOCRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลและบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี Blockchain 
  2. โดยไม่ได้มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง แต่จะมีการลงทุนผ่านหลายช่องทาง เช่น ลงทุนตรงในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchain และ Digital Asset หรือลงทุนในหน่วย CIS และ ETF 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี: B-INNOTECHRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Technology ที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก 
  2. บริหารโดยผู้จัดการกองทุน ‘Hyun Ho Sohn’ มากว่า 12 ปี และร่วมงานกับ Fidelity มากว่า 19 ปี 
  3. คัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-Up เน้นหุ้นเติบโต มูลค่าไม่แพง จัดออกมาเป็นพอร์ตหุ้นเทคโนโลยี P/E ต่ำ และมีความผันผวนน้อยกว่ากองทุนหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ 
  4. เหมาะกับการเป็นกองทุนหุ้นเทคโนโลยีเพื่อเป้าหมายระยะยาว จากผลตอบแทนที่โดดเด่นนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อีกทั้งยังมีการลงทุนล้อไปกับกระแสด้าน AI

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นกลุ่มสุขภาพ: SCBRMGHC

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Janus Henderson Global Life Sciences Fund ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมสุขภาพทั่วโลก
  2. บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประวัติการศึกษาในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ และมีประวัติการบริหารกองทุน Healthcare มานานกว่า 20 ปี 
  3. มีหุ้น Healthcare หลากหลายธีม เช่น ผู้ผลิตยา ธุรกิจไบโอเทคโนโลยี ผู้ให้บริการด้านประกันสุขภาพ และมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนให้เหมาะสมอยู่เสมอ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นเอเชียตลาดเกิดใหม่: B-ASIARMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Invesco Asian Equity Fund ซึ่งเน้นหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) 
  2. บริหารแบบเชิกรุก (Active) ค้นหาหุ้นเอเชียขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง พร้อมด้วยกลยุทธ์กระจายพอร์ตการลงทุนแบบมืออาชีพ ที่บางจังหวะได้เพิ่มน้ำหนักในหุ้นเอเชียบางตลาดที่หลายคนมองข้าม (Contrarian)
  3. ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนทำได้ดีกว่าดัชนีชี้วัด (Benchmark) นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นจีน All China: SCBRMMLCA

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายหลายตลาดแบบ All China บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูงของบลจ. ไทยพาณิชย์ (SCBAM) 
  2. คัดเลือกหุ้นด้วยการใช้ Machine Learning ด้วยข้อมูลหลากหลายมิติ จากนั้นทำ Portfolio Optimization เพื่อควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับเหมาะสม
  3. มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินแบบ Active ระหว่างสกุลเงินบาทและสกุลเงินที่ลงทุน (ดอลลาร์ฮ่องกงหรือหยวน) ซึ่งมีส่วนช่วยให้ผลตอบแทนเหนือกองทุนหุ้นจีนกองอื่นที่ป้องกันความเสี่ยงคู่ค่าเงิน USD/THB จากการลงทุนผ่านกองทุนหุ้นจีนหลักในสกุลดอลลาร์สหรัฐ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นอินเดีย: B-INDIAMRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Kotak Funds – India Midcap Fund ซึ่งเน้นไปที่หุ้นอินเดียขนาดกลางเป็นส่วนใหญ่ เพื่อรับอานิสงค์กลุ่ม Middle-Class ที่กำลังเติบโต
  2. กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นกว่า 10 ปี Kotak เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในประเทศอินเดีย ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนาน
  3. B-INDIARMF มีนโยบายการบริหาร FX Heding Policy อย่าง Active ทำให้ผลการดำเนินงานส่งต่อมาได้อย่างเต็มที่ในระยะยาว

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นเวียดนาม: PRINCIPAL VNEQRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. เป็นกองทุนแรกของประเทศไทยที่ทำการลงทุนในเวียดนามโดยตรง ทั้งหุ้น และ ETF 
  2. วิเคราะห์และจัดพอร์ตโดยผู้จัดการกองทุนชาวไทยและเวียดนาม ซึ่งเชี่ยวชาญในการเลือกหุ้น และหา Sector ที่มีโอกาสเติบโตระยะยาว ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 
  3. ใช้กลยุทธ์ Core-Satellite Port เน้นผลตอบแทนระยะยาว และมีการสับเปลี่ยนหุ้นบางส่วนตามสภาวะตลาดเพื่อเพิ่มผลตอบแทนระยะสั้น

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นไทย: THDRMF-A

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. เน้นลงทุนหุ้นไทยในดัชนี SETHD ที่มีการจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ 
  2. คัดเลือกหุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน โดยเน้นที่มีการเติบโตของรายได้และกระแสเงินสดที่ดี พิจารณาประวัติการจ่ายเงินปันผลช่วง 3-5 ปี และคาดการณ์แนวโน้มปันผลในอนาคตว่าจะยังคงจ่ายในอัตราที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ทำให้หน้าพอร์ตการลงทุนมีบริษัทที่จ่ายปันผลโดดเด่นประมาณ 20-25 บริษัท 
  3. บริหารโดยผู้จัดการกองทุนสาย Value มากประสบการณ์ ซึ่งดูแลกองทุน TISCOHD ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นและเป็นผู้จัดตั้งกองทุนดังกล่าว

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ตราสารหนี้โลก: K-GDBONDRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก 
  2. มีจุดเด่นที่การลงทุนแบบเชิงรุก (Active) ปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอ ภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ
  3. บริหารกองทุนโดย PIMCO Asset Management บริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงด้านกองทุนตราสารหนี้มาอย่างยาวนาน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ตราสารหนี้ไทย: KKP INRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนทั้งในประเทศไทยเป็นหลัก ทั้งประเภทเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยพิจารณาตราสารหนี้ที่มีฐานะการเงินดี และสภาพคล่องสูง
  2. บริหารจัดการแบบ Dynamic ซึ่งจะปรับอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในกองทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด และคัดเลือกตราสารหนี้ภาคเอกชนด้วยความเสี่ยงที่เหมาะสม
  3. กองทุนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น บริหารงานโดยผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์ที่เคยได้รับรางวัล Finnomena Hall of Funds 2025

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ทองคำ: BGOLDRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการซื้อขายและถือทองคำมากที่สุดในโลก 
  2. BGOLDRMF ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลีี่ยน ทำให้ทิศทางของราคากองทุนสอดคล้องกับราคาทองแท่งในสกุลเงินบาท

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย


สรุปโพยกองทุน Thai ESG แนะนำ

โพยกองทุนลดหย่อนภาษี 2025 ThaiESG Finnomena

มุมมองการลงทุนโดย Finnomena Funds ณ เดือนพฤศจิกายน 2025

ตราสารหนี้ไทย: K-ESGBF-THAIESG

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน

  1. มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ซึ่งเป็น Green bond, Sustainability bond และ Sustainability – linked bond
  2. เน้นลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มที่มีความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ขึ้นไป โดยมีโอกาสรับผลตอบแทนจากส่วนต่างเครดิต (Credit Spread) จากการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน
  3. พอร์ตการลงทุนมีดูเรชั่นเฉลี่ยปานกลางที่ 3-7 ปี ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด และมีโอกาสได้รับผลกระทบเชิงลบน้อยกว่าพอร์ตที่ดูเรชั่นยาวกว่า

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

กองทุนผสม: KTAG70/30-THAIESG

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน

  1. ลงทุนในหุ้นที่ผ่านการคัดเลือก SET ESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป สัดส่วน 70% และตราสารหนี้ประเภท Green Bond, Sustainability Bond และ Sustainability – Linked Bond สัดส่วน 30% 
  2. เน้นกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ทั้งในส่วนตราสารหนี้และตราสารทุน 
  3. ผ่านกระบวนการวิเคราะห์การลงทุนแบบ ESG Integration และวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานรายบริษัทแบบเชิงลึกจากฝ่ายวิจัยของ บลจ.

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นไทย Active: TDSTHAIESG-A

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน

  1. ลงทุนในหุ้นไทยคุณภาพดี ที่มีแนวโน้มจ่ายปันผลสูงและผ่านเกณฑ์การคัดเลือกหุ้น ESG
  2. บริหารแบบเชิงรุก (Active Management) เพื่อเน้นสร้างผลตอบแทนเหนือดัชนีชี้วัด SETESG TRI และบริหารโดยผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์ซึ่งพิสูจน์ฝีมือผ่านการบริหารกองทุน TISCOHD ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น 
  3. เน้นคัดเลือดหุ้นแบบ Bottom-Up โดยพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น การเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง, ผลประกอบการที่ดีและสม่ำเสมอ, มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง รวมถึงประวัติการจ่ายปันผลที่ดีและสม่ำเสมอในช่วง 3-5 ปี ที่ผ่านมา และพิจารณาการเติบโตของปันผลและแนวโน้มการจ่ายปันผลในอนาคต

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย


ขั้นตอนการคัดเลือกกองทุน

การคัดเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2025 ทั้ง RMF และ Thai ESG เราได้พิจารณาจากกองทุน F-Pick ในปัจจุบัน และทำการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Screening) และวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Screening) เพื่อให้ได้กองทุนลดหย่อนภาษีที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในระยะยาวจากกองทุนที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Screening)

เราพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลังระยะยาว (Long-Term Past Performance) ของกองทุนหลักในต่างประเทศเพื่อให้เห็นถึงผลการดำเนินงานในระยะยาวอย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของผลตอบแทนและความเสี่ยงที่สอดคล้องกับระยะเวลาลงทุนในกลุ่มกองทุนลดหย่อนภาษี 

แม้ว่าผลตอบแทนในอดีตจะไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต แต่ผลการดำเนินงานย้อนหลังในระยะยาวได้พิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุนผ่านวัฏจักรเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่ากองทุนดังกล่าวเหมาะสมสำหรับการลงทุนในระยะยาวอย่างแท้จริง

การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Screening)

นอกเหนือจากผลการดำเนินงานในอดีตที่เป็นหลักฐานของความสำเร็จในอดีตของกองทุนแล้ว เราได้พิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพของกองทุนเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าความสามารถในอดีตจะสามารถส่งต่อไปยังผลการดำเนินงานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง

โดยพิจารณาในเรื่องของปรัชญาการลงทุน (Investment Philosophy) และกระบวนการการลงทุน (Investment Process) เพื่อดูว่าภาพรวมการบริหารของกองทุนจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้ดีต่อเนื่องไปในระยะยาวได้หรือไม่ 

อีกทั้งได้เพิ่มการพิจารณาในส่วนของนโยบายการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging Policy) เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินที่ผันผวนและต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินในปัจจุบันเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงก่อนการลงทุนในกองทุนรวม และส่งผลต่อผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นอย่างมาก โดยจะเห็นว่าเราให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงคุณภาพในหลายมิติ เพื่อที่จะทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนสามารถสะท้อนออกมาสู่นักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | บางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Tax Cal