COVID-19 วิกฤตตลาด หรือโอกาสลงทุน?

วันที่ 1 มีนาคม 2563

ในที่สุดก็เกิดการปรับฐานใหญ่ของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับฐานกว่า 10% ในเวลาเพียง 6 วันทำการซึ่งนับเป็นการปรับฐานมากกว่า 10% ที่รวดเร็วที่สุดนับแต่มีตลาดหุ้นสหรัฐฯ เลยทีเดียว คำถามสำคัญที่สุด ณ เวลานี้หนีไม่พ้นว่า “COVID-19 นี้คือวิกฤตตลาด หรือโอกาสเข้าลงทุน” ซึ่งการวิเคราะห์และตัดสินใจที่ถูกต้องในช่วงเวลา moment of truth แบบนี้จะมีผลต่อผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวมากทีเดียวครับ

COVID-19 วิกฤตตลาด หรือโอกาสลงทุน?

ล่าสุด ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับฐานโดยใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียวลงมาอยู่ที่ระดับ – 1SD ของช่วงราคาย้อนหลัง 5 ปี ทั้งหมดเกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลว่าผลกระทบของ COVID-19 จะเป็นปรากฏการณ์ Black Swan ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งแน่นอนว่าตัวแปรสำคัญหนีไม่พ้นเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นตลาดหลักที่ปรับตัวขึ้นในวัฏจักรเศรษฐกิจโลกขาขึ้นรอบที่ผ่านมา

COVID-19 วิกฤตตลาด หรือโอกาสลงทุน?

กลับมาดูที่พื้นฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ข้อมูลล่าสุดจาก Bloomberg ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 พบว่ารายได้และกำไรของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปี 2019 ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่ากำไรของตลาดหุ้นสหรัฐจะโตถึง 14% ในปีนี้ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่สูงทีเดียว

2 สถานการณ์ความเป็นไปได้

กรณีที่ 1: COVID-19 ลุกลามเหมือนวิกฤตกาฬโรค

ถ้า COVID-19 ติดต่อลุกลามเอาไม่อยู่ และไม่สามารถมีวัคซีนป้องกัน รวมถึงไม่มียาต้านไวรัสได้ในเร็ววัน ภาพก็คงจะคล้ายกับวิกฤตกาฬโรคที่เกิดขึ้นในโลกเมื่อ 300 ปีก่อนที่คร่าชีวิตผู้คนนับแสนคน หากเป็นในกรณีนี้ เศรษฐกิจโลกจะหนีไม่พ้นการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ และกำไรของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ รวมถึงบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกก็จะถูกลดประมาณการครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน

กรณีนี้เราน่าจะได้เห็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลกปรับตัวลดลงอีกอย่างต่อเนื่อง และเม็ดเงินไหลไปหาพันธบัตรรัฐบาลและทองคำ อัตราดอกเบี้ย Bond Yield สหรัฐฯ 10 ปีจะลงต่ำกว่า 1% และทองคำน่าจะทำจุดสูงใหม่เป็นประวัติการณ์

กรณีที่ 2 พบวิธีการรักษา COVID-19 และการแพร่เชื้อชะลอตัวลง

ณ เวลานี้ผู้เชี่ยวชาญทั้งโลกกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาวัคซีนป้องกัน และยาต้านไวรัส อัตราการตายของผู้ติดเชื้อ COVID-19 จัดนั้นอยู่ในระดับต่ำ แต่อัตราการแพร่เชื้ออยู่ในระดับที่สูงมาก นั่นหมายถึงว่าโรคนี้ไม่ใช่โรคร้ายแรงที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ต้องเสียชีวิตอย่างกรณีของกาฬโรค หรือไวรัสอีโบล่า

ในกรณีที่สองนี้เท่ากับว่า COVID-19 เป็น Event Risk ที่ทำให้เศรษฐกิจ และตลาดหุ้นโลกปรับฐานในระยะสั้นไม่เกิน 1 – 2 ไตรมาส ขณะที่วัฏจักรขาขึ้นของตลาดทุนจะยังเป็นอยู่ต่อไป ในกรณีนี้เราน่าจะได้เห็นดัชนี S&P 500 และตลาดหุ้นโลกฟื้นตัว หลังจากปรับลดลงรุนแรงในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ Bond Yield พันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีที่น่าจะเด้งกลับขึ้นไปสูงกว่า 1.5%

ส่วนตัว ผู้เขียน ณ เวลานี้มองว่าเป็นกรณีที่ 2 เพราะเมื่อดูจากประวัติศาสตร์ในอดีต โรคหวัดระบาดส่วนใหญ่แม้จะลุกลาม แต่ไม่รุนแรง และในที่สุดเศรษฐกิจและตลาดหุ้นโลกก็สามารถข้ามพ้นไปได้ บนสมมติฐานนี้ การปรับฐานที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสสำหรับการลงทุน แต่ขอให้เน้นไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเอเชียเพราะมีพื้นฐานรองรับ ส่วนตลาดหุ้นไทยหากโชคดีฟื้นตัวมองเป็นโอกาสลดพอร์ตเนื่องจากเศรษฐกิจไทยดูไม่สดใสเอาเสียเลย

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องการความเสี่ยงของกรณีที่ 1 คือเศรษฐกิจถดถอย แนะนำให้เพิ่มทองคำในพอร์ตมากเป็นพิเศษอาจไปได้ถึง 20-25% ของพอร์ต โดยรอบนี้แนะนำลงทุนกองทุนทองคำแบบไม่ต้องป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอน่าจะทำให้เงินบาทอ่อนค่า การมีทองคำคู่กับหุ้นน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมหากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง แล้วคุณล่ะครับ มอง COVID-19 เป็นวิกฤตตลาด หรือโอกาสลงทุน

ล่าสุด วันที่ 2 มีนาคม 2563

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานกว่า 10% ภายในเวลา 6 วันทำการ สุดท้ายตลาดจะกลับทิศสู่ขาลงเต็มตัว หรือจะเป็นเพียงการพักฐานเพื่อขึ้นต่อนั้นขึ้นอยู่กับบันไดค้ำยันตลาดหุ้น นั่นก็คือทิศทางผลประกอบการ (Earning) นั่นเอง

– จากรูปเป็นการเอาผลประกอบการของ S&P 500 (สีเขียว) มาตีกราฟคู่กับดัชนี S&P 500 ซึ่งจะเห็นว่าเส้นสีเขียวย้อนหลังไป 10 ปีมีลักษณะเหมือน “บันได” นั่นคือกำไรของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ

– ถ้าดูกันที่ BEST EPS Y+1 ชี้ให้เห็นว่านักวิเคราะห์มองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปีนี้กำไรโตอีกถึงประมาณ 14% (BEST ย่อมาจาก Bloomberg Estimate เป็นการรวมข้อมูลจากนักวิเคราะห์หลาย ๆ รายผ่านระบบบลูมเบิร์ก)

– ถ้า COVID-19 กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ, Supply Chain, และผลประกอบการแค่เพียงชั่วคราว บันได้ค้ำยันตลาดหุ้นอันนี้ยังสามารถสร้างขั้นต่อไปที่สูงขึ้นได้ ตลาดหุ้นโลกที่ปรับฐานแรงจาก COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมาก็จะ rebound

– แต่ถ้าผลกระทบมีต่อ Earning ของบริษัทจดทะเบียน อย่างรุนแรง ระยะยาว จนบันได Earning จากบันไดเดินขึ้นเป็นบันไดลง อันนี้บอกได้เลยว่าดัชนียังลงได้อีกมาก

– สุดท้ายลองมาดูบันได้ของปู่ SET กันบ้างในรูปที่ 2 เห็นแล้วก็จะไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไม SET ถึงลงเอา ๆ ช่วงนี้เพราะ Earning มันกลายเป็นบันไดลงเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถ้าดีดตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ คงทราบนะครับว่าควรทำอะไรกับหุ้นไทย

FundTalk รายงาน

iran-israel-war