baht_momentum_jpeg

ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ประกาศออกมาแย่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด IMF ปรับลดประมาณการ GDP ประเทศไทยในปี 2559 เหลือ 2% เรียกได้ว่าต่ำมาก ๆ นักเศรษฐศาสตร์บางค่ายมองว่าประเทศไทยอาจเข้าสู่ภาวะ Technical recession หมายถึงเศรษฐกิจติดลบต่อกัน 2 ไตรมาส

งบไตรมาส 3/58 ที่กำลังจะประกาศนักวิเคราะห์ก็มองว่าจะไม่ค่อยดี โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่โดนทั้งภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง แถมยังมีบริษัท SSI ที่ผิดนัดชำระหนี้หลายหมื่นล้านทำให้ต้องตั้งสำรองกันชุดใหญ่

เอ…แต่ทำไมเปิดไตรมาส 4/58 มาฝรั่งเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย จากที่ขายเอา ๆ ไม่รู้จักหมด ขณะที่เงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่ามาก

จากประสบการณ์ที่ผ่านมามีบางครั้งเหมือนกันที่ตลาดหุ้นสามารถ rebound ได้ในภาวะที่ปัจจัยพื้นฐานดูไม่ดี ซึ่งโดยมากจะเกิดขึ้นในภาวะที่ข่าวร้ายเข้าขั้นร้ายสุด ๆ แล้ว และตอนนี้ก็ดูเหมือนเป็นไปได้ว่าเรากำลังอยู่ในภาวะแบบนั้น

สัญญาณ Technical ที่ผมคิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว และใช้เป็นประจำผมขอตั้งชื่อว่า “FundTalk Baht Momentum – FBM” โดยเป็นการเอาค่า Thai Baht Index หรือส่วนกลับของค่าเงินบาท มาหารด้วย Dollar Index โดยผมใช้ค่า Moving Average 10 วันของสัญญาณดังกล่าวเพื่อทำให้ False Signal น้อยลง (ดูเส้นสีม่วงในกราฟ)

วิธีการใช้งาน FBM ของผมไม่ให้ดูที่ระดับ level ของมัน แต่ให้ดูการเปลี่ยนแปลง หรือ Delta ของ FBM แทน ถ้าเห็นสัญญาณการเปลี่ยน trend เช่น FBM ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลงมาต่อเนื่อง มักจะเป็นสัญญาณการ rebound ของตลาด ผมทำย้อนหลังไป 2 – 3 ปีให้ดูพบว่าสัญญาณนี้มีความแม่นยำสูงทีเดียว วิธีดูง่าย ๆ คือถ้าเส้นนี้ชี้ขึ้นต่อเนื่องซักประมาณ 1 สัปดาห์เป็นสัญญาณ Bullish ส่วนถ้าชี้ลงต่อเนื่องหมายถึงสัญญาณ Bearish

FundTalk Signal

อธิบาย logic อีกนิด เวลา FBM ชี้ขึ้นหมายถึงภาวะที่ค่าเงินบาทแข็งเร็วกว่าการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ เช่นถ้าดอลลาร์อ่อน 1% แต่บาทกลับแข็ง 2% สะท้อนถึงการ outperform ของค่าเงินบาท ซึ่งเกิดจากภาวะเงินไหลเข้าประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อ SET Index

กลับกันเวลา FBM ชี้ลงสะท้อนถึงภาวะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากกว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนภาวะเงินไหลออก ซึ่งเป็นลบต่อ SET Index

ล่าสุดสัญญาณ FBM เริ่มชี้ขึ้นนิด ๆ (Bullish) หลังจากที่ให้สัญญาณ Bearish ต่อเนื่องมาจากช่วงกลางปี เมื่อนำมาประกอบกับการวิเคราะห์พื้นฐานของตลาดซึ่งเป็นไปได้ว่าเรามาถึงจุดที่ตลาดรับรู้ข่าวร้ายไปสุด ๆ แล้ว ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเราได้เห็น Bottom ของตลาดหุ้นไทยไปแล้วรอบนี้ และเรากำลังเข้าสู่ช่วงของการ rebound ครับ

อย่างไรก็ตาม ควรควบคุมความเสี่ยงและทำ Stop loss limit กันอย่างใกล้ชิด เพราะพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังดูเปราะบางมาก ๆ เช่นกันครับ

ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนไตรมาสสุดท้ายของปีนี้นะครับ

เจษฎา สุขทิศ, CFA