สาธิตราม

สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ คลิกเข้ามาอ่านแบบนี้แล้ว ขอเดาทางว่าจะต้องเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังวางแผนเรื่องการศึกษาให้ลูกอยู่แน่นอน เราเลยนำบทสัมภาษณ์ของคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กอยู่คนนึง ที่เพิ่งสอบติดอนุบาลของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (English Program : EP) ในปีนี้มาฝากกันค่ะ

มาดูกันว่าคุณพ่อคุณแม่คู่นี้มีการวางแผนเรื่องโรงเรียนให้ลูกอย่างไรบ้าง มีพาไปเรียนอะไรเพิ่มเติม ทำไมต้อง English Program และในวันสอบสัมภาษณ์เข้าสาธิตรามฯ คุณพ่อ คุณแม่ และน้องเจอคำถามอะไรบ้าง ติดตามกันค่ะ

Part I ทำความรู้จักกันก่อน

เล่าประวัติสั้นๆ

พี่ยู (คุณพ่อ) : ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้บริหารบริษัทด้าน IT แล้วเกิดไอเดียสักเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในการเข้ามาทำธุรกิจออนไลน์ในยุคที่ยังไม่มีใครทำกันเท่าไหร่ เป็นการทำธุรกิจโดยไม่มีหน้าร้าน ทุกอย่างอยู่บนเว็บหมดเลยตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว แล้วมันก็เติบโตขึ้นมาได้

ตอนนี้พี่น้ำเป็นแม่บ้าน หรือว่าช่วยกันทำธุรกิจนี้

พี่น้ำ (คุณแม่) : จริงๆ แล้วบริษัทนี่พี่เป็นเจ้าของนะคะ พี่ทำมาก่อน จนธุรกิจมันเริ่มดีขึ้น พี่ทำไม่ไหวละ เค้าเลยต้องออกจากผู้บริหารมาช่วย

มีความคิดอยากมีลูกมาก่อนมั้ย

พี่ยู : แรกเริ่มไม่คิดจะมีลูก เพราะเราคิดว่าเราต้องพร้อมทั้งเงินและเวลาก่อน เราถึงจะมีได้ แล้วเบื้องลึกจริงๆ คืออยากรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง (ขำ)

แต่งงานกันตอนอายุเท่าไหร่

พี่น้ำ : ประมาณ 29 30

มีน้องตอนอายุเท่าไหร่

พี่น้ำ : ประมาณ 35 36 ก็หลังแต่งงานกันไปแล้ว 6-7 ปี ถึงคิดจะมี จากที่ตอนแรกยังไม่อยากมี

Part II ที่มาที่ไปของการเลือกโรงเรียนให้ลูก

ส่งน้องเข้าเรียนตั้งแต่อายุเท่าไหร่

พี่ยู : ตั้งแต่ขวบนิดๆ เพราะเราเลี้ยงลูกกันเอง เลยมาตั้งคำถามว่าเราเลี้ยงดีรึเปล่า

พี่น้ำ : เราอยากให้เค้าไปเจออะไรมากกว่าพ่อแม่ เลยพาไปที่โรงเรียนสำหรับเสริมทักษะเด็ก ซึ่งมีเยอะ หลายโรงเรียนมาก ก็เลยไปไล่ลองเรียนจากโรงเรียนแถวบ้าน ไปหลายๆ ที่ เพราะส่วนใหญ่จะให้เรียนฟรีชั่วโมงแรก แล้วแต่ละที่ก็แตกต่างกันไป จนมาได้ที่บรอมส์โกรฟ เป็นโรงเรียนนานาชาติ เพราะราคาถูกและใช้เวลากับเด็กค่อนข้างเยอะ ที่นี่ได้เกือบ 2 ชั่วโมง มีอาหารว่างให้ด้วย Teacher ที่สอน เป็นฟิลลิปปินส์ สำเนียงดี รักเด็ก

เด็กที่ไปเรียนมีเด็กฝรั่งมั้ย?

พี่น้ำ : มีค่ะ มีลูกครึ่ง มีฝรั่ง มีคนไทย แต่คนไทยจะเยอะหน่อย

ขยายความถึงโรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟนิดนึง ที่นี่คือเป็น Playgroup

พี่น้ำ : ใช่ค่ะ เป็น Playgroup สอนร้องเพลง สอนเต้น ให้เด็กเล่นรวมกัน แล้วดูพฤติกรรมว่าเป็นยังไง เพราะลูกเราอยู่บ้านคนเดียว เราเล่นกับเค้า มันไม่เห็นอะไร

ที่โรงเรียนบรอมส์โกรฟมีข้อดีอะไรบ้าง ฟังดูแล้วเหมือนน้องได้พัฒนาการ ได้ประสบการณ์ในการเข้าหาคน ไม่กลัวคน น่าจะมาจากที่บรอมส์โกรฟรึเปล่า

พี่น้ำ : ส่วนใหญ่น่าจะมาจากตรงนั้นด้วย

พี่ยู : พอไปบรอมส์โกรฟไปต่อยอดเค้าอีก ได้พัฒนาจากสิ่งที่เค้าเป็น ได้ฝึกเรื่องระเบียบวินัย เรื่องการรอคอยด้วย เวลาล้างมือต้องเข้าแถว ทำให้เค้าได้เรียนรู้ว่าอยากได้อะไรไม่ใช่ได้เลยนะ ต้องรอ

น้องเรียนที่นี่ถึงอายุเท่าไหร่

พี่น้ำ : 2 ขวบครึ่งค่ะ ประมาณปีนึง เพราะคลาสเค้ามีถึงอายุ 2 ขวบครึ่ง ไม่เกินนี้ ก็เลยต้องเปลี่ยน ทีนี้อายุเข้าเตรียมอนุบาลได้พอดี เราเลยมองหาโรงเรียนรัฐที่ใกล้บ้าน และเป็นโรงเรียนสามารถเรียนยาวอนุบาลยันม.6 ซึ่งโรงเรียนรัฐที่ใกล้บ้านก็คือโรงเรียนเครือสาธิต ได้แค่มาเล็งๆไว้ก่อน เพราะเค้ายังไม่รับ จะรับตอนอนุบาล

เลือกโรงเรียนเตรียมอนุบาลที่ไหนไว้บ้าง

พี่น้ำ : จริงๆ เล็งไว้เยอะมาก โรงเรียนสารสาสน์แถวบ้าน มี 3 ที่ ก็เล็งทั้ง 3 ที่ สุดท้ายไปสอบที่โรงเรียนเอกบูรพาก่อน

พี่ยู : ที่นั่นเป็นโรงเรียนสองภาษาเลย เป็นเบอร์ต้นๆ ของมีนบุรี แต่ตอนนั้นเค้าบอกต้องต่อคิว ใจเราไม่เอาละ ต้องแย่งกันสอบ ก็เลยไม่ไป เพราะเรารู้สึกว่าทำไมต้องเครียด ทำไมต้องแย่งกัน

พี่น้ำ : แต๊ (เสียงสูง) ดวงมันจะเสียเงิน เพื่อนโทรมาบอกว่ายังว่างอยู่ ก็เลยพาน้องไปทดสอบ สุดท้ายผ่าน

เลือกเรียนที่นี่เลยมั้ย

พี่น้ำ : บังเอิ๊ญ (เสียงสูง) ที่เอกบูรพารับอนุบาล 1 แต่น้องอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ แล้วโรงเรียนโชคชัยหทัยราษฎร์มาเปิดพอดี เราเข้าไปดูแล้วชอบ โรงเรียนสวย ทุกอย่างดูดี เลยลองดูอีกที่นึง กะว่าให้เรียนเตรียมอนุบาลที่นี่ไปก่อน แล้วเดี๋ยวพออนุบาลค่อยเข้าที่เอกบูรพาก็ได้ สุดท้ายส่งลูกเรียนเตรียมอนุบาลที่โชคชัยก่อน

มีการสอนลูกเรื่องภาษาอังกฤษยังไง

พี่น้ำ : เราสอนตั้งแต่เกิดเลย สอนเป็นคำก่อน Dog Cat เรียกสิ่งรอบตัว แล้วเราไม่ได้จบเมืองนอก ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ เลยคิดว่า EP น่าจะตอบโจทย์

เล่าบรรยากาศตอนส่งน้องเข้าโรงเรียนครั้งแรกนิดนึง ร้องไห้มั้ย

พี่น้ำ : ด้วยความที่เค้าเป็นเด็กเข้ากับคนง่าย ไม่คิดว่าจะร้องด้วยนะ แต่ก็ร้อง

พี่ยู : ร้องไม่กลับ ไม่อยากกลับบ้าน จนคนเค้าคิดกันว่าบ้านนี้เลี้ยงลูกแบบทารุณรึเปล่า (ขำ)

แล้ววางแผนเรื่องโรงเรียนอนุบาลไว้ยังไงต่อ

พี่ยู : เรียนเตรียมอนุบาลไปสักพักนึง ก็ถึงรอบต้องจ่ายเงินค่าเรียนอนุบาล ที่โชคชัยมีคนมาสมัครร้อยกว่าคน รับได้ 60 คน สุดท้ายได้ ก็จ่ายค่าเทอมไป เราก็รู้สึกดีใจที่ลูกมีที่เรียนแล้ว

ที่โชคชัยเรียนเป็น EP มีการเรียนการสอนยังไงบ้าง

พี่น้ำ : ต้องบอกว่าที่โชคชัย เตรียมอนุบาลยังสอนเป็นภาษาไทยอยู่ แต่มีเรียนวันเสาร์ จะเป็นครูที่เป็น Native มาสอน เต้นเพลงภาษาอังกฤษ เหมือนตอนเรียนบรอมส์โกรฟ ดูแล้ว Teacher ที่นี่เค้ารักเด็ก รักลูกเรา เลยกลายเป็นว่ามาจ่ายค่าเทอม 2 ที่เลย

เท่ากับว่าจ่ายไปทั้ง 2 ที่เลยทั้งที่เอกบูรพาแล้วก็โชคชัย ตอนนี้จ่ายไปเท่าไหร่บ้างแล้ว

พี่ยู : ถ้าที่เอกบูรพาก็ประมาณ 20,000 บาท ที่โชคชัย 40,000 บาท เราก็ฟันธงละว่าจะเอาที่โชคชัย ดั๊น (เสียงสูง) โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหงมาเปิดรับอนุบาลพอดี ก็เลยไปสมัครก่อน

Part III บรรยากาศในการสมัครและสัมภาษณ์เข้าโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ขั้นตอนการสมัครเป็นยังไงบ้าง

พี่ยู : วันที่ไปสมัครก็มีรับบัตรคิวเพื่อขึ้นไปยื่นใบสมัคร ค่าสมัครก็เกือบพัน แล้วคนเยอะมาก รับแค่ผู้ชาย 20 คน ผู้หญิง 20 คน

มีวิธีเตรียมตัวในการพาลูกสอบเข้าสาธิตยังไงบ้าง

พี่น้ำ : เรายังมีถามกันก่อนไปนะ ว่าเค้ามีสถาบันติวสอบเข้าสาธิตนู่นนี่นั่น แต่อันนั้นเป็นของฝั่งประถม เราก็มองว่ามันน่าจะยาก คนมาสมัครเยอะขึ้น ข้อสอบยากขึ้น แต่อันนี้เป็นอนุบาล แค่สอบสัมภาษณ์เฉยๆ เค้าดูที่ตัวเด็กมากกว่า ถ้าได้ก็น่าจะมีสิทธิ์เรียนได้ยาวไปเลย

เล่าบรรยากาศ ณ วันสัมภาษณ์

พี่น้ำ : พอโดนเรียกคิว ก็เตี๊ยมกับลูกว่า “มินนา ข้างบนมี Kids Club นะ ถ้า Teacher ถามอะไร ต้องตอบนะ ตอบดังๆ นะ เดี๋ยว Teacher จะพาไปเล่นของเล่น”

พี่ยู : ตอนจะขึ้นไปเห็นลูกคนอื่น มินนาตัวสูงเท่าไหล่เค้าเอง  ลูกเราเพิ่ง 2 ขวบ 10 เดือน คนอื่น 3 ขวบกว่า 3 ขวบครึ่ง ถามอะไรตอบได้แล้ว พูดเป็นประโยคได้แล้ว ลูกเราถามชื่อยังไม่ตอบเลย เรียงประโยคสลับด้วย

พี่น้ำ : พอเข้ามาในห้องสัมภาษณ์ก็เข้าไป 3 คนเลยค่ะ เค้าสัมภาษณ์พ่อแม่ด้วย ครูถามลูกว่า

“พ่อชื่ออะไรคะ”

ไม่ตอบ แล้วมุดๆๆ เพราะเป็นเด็กไม่นิ่งอยู่แล้ว เราเลยต้องบอก

“มินนาครูถามชื่ออะไร”

“พ่อชื่อยู” (เสียงเบาๆ) แล้วครูก็ถามชื่อนามสกุลจริงเค้า อันนี้เป็นสิ่งเดียวที่เตี๊ยมไป อะอันนี้ลูกเราตอบ แต่ยังตอบเสียงเบาๆ อยู่ คำถามถัดไป ถามว่า

“แม่ชื่ออะไร”

“ญาญ่า!!!!” ตอบเสียงดังมาก ครูก็ขำกันหมดเลย คงคิดประมาณว่า นี่หรอญาญ่า (ขำ)

มีบอกน้องว่าอะไร ทำไมน้องถึงตอบชื่อนี้ออกมา

พี่น้ำ : เวลาอยู่บ้านเราจะตลกอยู่แล้ว เราก็ชอบไปถามลูกว่า “มินนา แม่เหมือนญาญามั้ย” ลูกก็ตอบว่าเหมือน เลยบอกลูกว่า “ใครถามก็ให้บอกว่าแม่ขื่อญาญ่านะลูก” แต่เราไม่คิดว่าว่าวันนึงมันจะได้ใช้อะ (ขำ)

พี่น้ำ : คำถามต่อไป ครูถามว่า “อยากเรียนที่นี่มั้ย” ลูกเราก็เงียบ

พี่ยู : เพราะเราไม่ได้เตี๊ยมมา บางคนเค้าเตี๊ยมมาให้ลูกตอบว่าอยากเรียนครับ เพราะชอบสนามฟุตบอลที่นี่ ตอบได้เป็นเรื่องเป็นราว

พี่น้ำ : ส่วนลูกเราหรอ ถามว่าอยากเรียนที่นี่มั้ย ไปทำท่าแลบลิ้นใส่ครู แล้วก็เปิดกระโปรงใส่อีก (ขำ) เราก็ไปจับขาลูก “มินนา นั่งเรียบร้อยลูกๆ นั่งดีๆ เอากระโปรงลง” เสร็จแล้วครูก็เชิญน้องไปเล่นที่ฐานวัดความรู้ข้างหลัง แล้วสัมภาษณ์พ่อแม่ต่อ

พี่น้ำ : คำถามที่พ่อแม่โดนสัมภาษณ์ ถามคุณแม่ก่อนว่า “ทำงานอะไร บ้านอยู่ที่ไหน”

พี่ยู : แล้วครูก็หันมาถามคุณพ่อว่า “ปกติน้องอยู่บ้านร่าเริงแบบนี้มั้ย” หันมาถามเจาะจงคุณพ่อเลย ก็เลยตอบไปว่า

“ร่าเริงครับ ร่าเริงแบบนี้ ซนแต่ไม่ดื้อ” ถามคุณพ่อต่อ

“น้องกรีีดมั้ย” ซึ่งเราตอบไปแบบไม่ต้องปรุงแต่งเลย

“กรี๊ดครับ แต่ไม่ได้กรี๊ดด้วยอารมณ์ ไม่ได้สิ่งที่ต้องการแล้วกรี๊ด อันนี้ไม่มี”

พี่ยู : ตอนนั้นก็คิดขึ้นมาว่าทำไมท่านถึงเจาะจงถามพ่อ น่าจะเพราะเค้าต้องการประเมินว่า พ่อได้เลี้ยงลูกรึเปล่า รู้จักลูกตัวเองดีแค่ไหน ซึ่งก็ตอบโจทย์เรา เพราะเราเลี้ยงเอง หิ้วไปไหนมาไหนด้วยตลอด

พี่น้ำ : แล้วก็หันมาถามแม่ต่อว่า

“น้องช่วยเหลือตัวเองได้มั้ย” ตอบไปว่า

“ทั่วไปค่ะ บอกฉี่ บอกอึได้” แล้วผอ.ท่านก็ถามมาว่า

“ล้างก้นเองได้มั้ย” ซึ่งเท่าที่คุยกับผู้ปกครองท่านอื่นมาก็โดนคำถามนี้กันเยอะ ตอบเลย

“อ๋อ ไม่ได้ค่ะ” ครูบอกว่า

“ถ้ามาเรียนที่นี่ ต้องทำได้นะ ไม่มีคนล้างให้นะ” แล้วก็เชิญผู้ปกครองออก แต่น้องยังอยู่ ซักพักก็ออกมา

Part IV สรุปสุดท้ายหลังจากได้ส่งลูกเรียนตามที่คุณพ่อคุณแม่เลือกไว้

ทำไมถึงส่งลูกเรียน EP

พี่น้ำ : เรามองว่าลูกยังได้ภาษาไทย ยังได้สอบข้อสอบของไทย เด็กสองภาษาจะได้เปรียบตรงที่ว่า ยังไปเรียนภาคภาษาไทยได้ ถ้าจะลดค่าใช้จ่ายในอนาคต ไปทั้งสองอย่างมันกลางๆ ดี อนาคตเราอาจจะรวยมาก ส่งลูกเรียนอินเตอร์ ไปเมืองนอกได้ เค้าจะเรียนโรงเรียนไทย 100% ก็ได้ เรียนอังกฤษ 100% มันยืดหยุ่นดี

มีความคาดหวังยังไงกับโรงเรียนสาธิต

พี่น้ำ : ที่เลือกสาธิตเพราะได้ยินมาว่าช่วงระดับอนุบาลถึงประถมต้นๆ จะยังไม่เคร่งวิชาการมากนัก เน้นให้เด็กเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด ฝึกระเบียบวินัยมากกว่า ซึ่งตอบโจทย์บ้านพี่มาก เพราะพี่ไม่เน้นวิชาการ แล้วก็อยากให้ทางโรงเรียนช่วยหาว่าลูกเราถนัดอะไร

วางแผนค่าใช้จ่ายเรื่องการศึกษาของลูกยังไงบ้าง

พี่ยู : เราเลี้ยงลูกตามสถานการณ์ เพราะงั้นค่าใช้จ่ายเราจะลงเหมือน Marketing Plan เลย โยก Budget ตามสถานการณ์ อย่างเรื่องค่าเทอมจากโชคชัยมาสาธิต เพิ่มขึ้นเท่าตัว ก็เลยคุยกันแล้วว่า จะลดค่าใช้จ่ายส่วนไหนออก จากไปต่างประเทศ 3 รอบ ก็ลดเหลือไปรอบเดียว จะจัดการงบไว้ตั้งแต่ต้นปี ให้เพียงพอต่อการจ่ายในแต่ละปีไปก่อน ตอนนี้ก็ตั้งใจจะเก็บค่าเทอมล่วงหน้าให้ได้อย่างน้อย 5-6 ปี เก็บทุกเดือน กันเงินออกมาก่อน เป็นค่าเทอมให้ลูก

ก่อนจะจากกันไป ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นสักหน่อย

พี่ยู : บ้านเราเลี้ยงลูกแบบไม่ได้วางแผนเป็นจริงเป็นจัง เพราะมีลูกแล้ว เราควรมีความสุข มากกว่ามีแล้วเครียด มากกว่าการไปยึดติดกับแผนมากเกินไป จนเราไม่มีความสุข ถ้าเรามีความยืดหยุ่นในการเลี้ยงเค้า เราก็มีความสุข และเค้าก็จะมีความสุขด้วย (ยิ้ม)

จากบทสัมภาษณ์จะเห็นว่าพี่ยูและพี่น้ำ ได้มีศึกษาข้อมูลมาพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังมีการจ่ายค่าเทอมลูกไปถึง 2 โรงเรียน ซึ่งตรงนี้พี่ยูพี่น้ำได้แนะนำมาว่า ถ้าเป็นเราคิดเยอะ เลือกเยอะแบบบ้านเค้า ก็ควรที่จะวางแผนเตรียมค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มไว้ก่อนเลย แม้ว่าส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น น่าจะฟันมาแค่โรงเรียนเดียวอยู่แล้ว แต่ถ้ามีเผื่อไว้ในกรณีแบบนี้ก็จะดีกว่า


พี่ยูพี่น้ำได้วางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว แล้วคุณล่ะ… วางแผนการศึกษาให้ลูกหรือยัง?

หากสนใจ วางแผนการศึกษาลูกแบบครบจบในที่เดียว เราขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกั KID’S WEALTH PATH

KID’S WEALTH PATH คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก FINNOMENA ที่จะช่วยตอบโจทย์การวางแผนการศึกษาให้ลูก เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาและมองหาโรงเรียนให้เจ้าตัวน้อย “เพราะความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก” ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษนี้ก่อนใครได้ที่ https://www.finnomena.com/kidswealthpath/ หรือ คลิกที่แบนเนอร์ข้างล่างได้เลย