ตกรถ คือ อะไร?

คำว่า “ตกรถ” เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ที่เกิดขึ้นทุกวันในแวดวงการลงทุนในตลาดหุ้น สถานการณ์แบบไหนเรียกว่า  “ตกรถ” สิ่งที่คุณเจออยู่เรียกว่า “ตกรถ” หรือเปล่า จะได้รู้กัน ซึ่ง FINNOPEDIA ภาษาการเงินวันละคำ ตอนนี้ จะพาคุณไปรู้จักคำว่า “ตกรถ” และวิธีที่จะป้องกันการ “ตกรถ”

ตกรถคืออะไร?

คำว่า “ตกรถ” หมายถึง การที่เราซื้อหุ้นตัวที่เล็งไว้ไม่ทัน ซึ่งหลังจากนั้นราคาของหุ้นตัวนั้นยังขึ้นต่อไปจากราคาที่คุณขายอีกมากมาย ส่งผลให้เราพลาดกำไรไปอย่างมหาศาล เช่น คุณคิดว่าอยากจะรอซื้อหุ้นที่ราคา 9 บาท และขายทำกำไรออกมาตอนราคา 15 บาท แต่ต่อมา หุ้นตัวนั้นย่อลงมาแค่ 10 บาท แล้วก็วิ่งขึ้นไปได้ถึง 15 บาท!! หากคุณเจอสถานการณ์แบบนี้ก็จำไว้เลยว่าคุณได้ “ตกรถ” ไปแล้ว

สาเหตุส่วนใหญ่ที่คนตกรถ

สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่กระทำการตกรถนั้นพออธิบายโดยสังเขปได้ดังนี้

  1. ต่อราคามากเกินไปหลายๆคนที่จะเข้าซื้อหุ้น รู้ทั้งรู้ว่าธุรกิจของหุ้นตัวนั้นดี มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่ตัวเราต่อราคาหุ้นนั้นมากเกินไป โดยอาจจะเป็นเพราะมีการวิเคราะห์ออกมาแล้วกำหนดราคาเข้าซื้อที่ค่อนข้างตายตัวและต่อราคาลงมาเยอะมาก ทำให้หลายครั้งทำให้เราอดได้กำไรไปมากมาย
  2. กลัวเกินไปจนลืมทำตามสิ่งที่วางแผนไว้ อาการนี้เป็นผลมาจากเวลาหุ้นที่เราเล็งไว้เตรียมจะเข้าลงทุนแล้ว เกิดปรับตัวลงแรงมากะทันหัน อาจจะเป็นจากหลายปัจจัยโดยไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานหุ้นตัวนั้น เช่น ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะ Panic เกิดแรงเทขายในหุ้นทั้งตลาด พอหุ้นตัวเราเล็งไว้ลงมาแรงเกินกว่าที่เราตั้งเป้าไว้หรือวางแผนในราคาที่จะเข้าซื้อไว้ เรากลับไม่กล้าเข้าไปซื้อเพราะถูกความกลัวครอบงำนั่นเอง!

ผลที่มักจะตามหลังจากตกรถ

โดยปกติแล้วพอเราตกรถ ก็มักจะทำให้เราเกิดอาการเสียดาย และเสียโอกาสที่จะได้กำไรก้อนโต ซึ่งบางคนพอเกิดอาการตกรถไปแล้วก็ยังอาจจะมีอคติต่อราคาต่อหุ้นที่วิเคราะห์มาดีแล้วจริงๆที่ราคามันอาจจะยังต่ำกว่าที่วิเคราะห์เอาไว้ ก็ยังไม่กล้าซื้อ จึงเป็นการตกรถรอบใหญ่ซ้ำเติม หรือพอเกิดอาการโลภก็อาจจะไปรีบไล่ซื้อหุ้นที่ไม่ได้ผ่านการวิเคราะห์มาดีพอ แต่เห็นราคากำลังขึ้นเลยรีบซื้อไป ผลที่ตามมาก็เลยกลับกลายเป็นติดดอยหรือขาดทุนเสียเอง

วิธีป้องกันการตกรถ

วิธีแก้อาการตกรถจริงๆ แล้วเราเพียงต้องวางแผนก่อนเทรดให้ชัดเจน ซึ่งมีหลากหลายวิธี ไม่มีวิธีที่ตายตัว และไม่มีวิธีใดเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่จะขอยกตัวอย่างวิธีที่คนนิยมใช้กัน ดังนี้

  1. ทยอยซื้อเป็นไม้ๆ อย่าเพิ่งตั้งราคาซื้อเพียงไม้เดียว เช่น คุณอาจจะทยอยซื้อในช่วงระดับราคาที่ยอมรับได้ เช่น ถ้าเราวิเคราะห์ว่าราคาเหมาะสมอยู่ที่ 10 บาท เราอาจจะกำหนดช่วงระดับราคาในการเข้าซื้อที่ 9-10 บาท โดยแบ่งทยอยลงทุน 3 ไม้ แบ่งเป็นเป็น 3 วัน แบบนี้จะสามารถลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุนหรือทำ Dollar Cost Average ไปในตัวได้ แบบนี้จะทำให้คุณสามารถถือกำไรได้นานขึ้นช่วยลดการขายหมูแต่เนิ่นๆได้ด้วย
  2. วางแผนกำหนดจุดซื้อโดยไม่สนใจความผันผวนของตลาด ในกรณีที่หุ้นที่คุณต้องการซื้อมีการปรับตัวลงมาแรงตามความผันผวนของภาวะตลาด คุณควรที่จะเข้าซื้อตามวินัยที่กำหนดเอาไว้แล้วตามการวิเคราะห์ เพราะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายคนมักกล้าเข้าซื้อหุ้นที่วิเคราะห์มาดีแล้วตามราคาที่เหมาะสมโดยใช้โอกาสที่คนอื่นกลัวจนเทขายหุ้นที่ดีออกมาในราคาถูก วิธีนี้จะทำให้คุณได้ลงทุนหุ้นที่วิเคราะห์มาดีแล้วตามราคาที่เหมาะสมโดยไม่สนใจความผันผวนของตลาดหุ้น

 ยังไงตกรถก็ยังดีกว่าติดดอย

ถึงนักลงทุนหลายคนจะเสียดายกับการตกรถรอบใหญ่ พลาดโอกาสได้กำไรก้อนโตเข้ากระเป๋าไปก็ไม่เป็นไรครับ ดีกว่าเราไม่มีวินัยในการลงทุนแล้วซื้อหุ้นในราคาแพงจนเกินไป ทำให้เกิดการขาดทุนหรือติดดอยในเวลาถัดมา การตกรถอาจจะเกิดขึ้นได้เป็นปกติของชีวิตการลงทุน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคงจะเป็นเรื่องวินัยในการลงทุนโดยที่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ค่อยๆฝึกลงทุนและเรียนรู้อย่างถูกวิธีไปเรื่อยๆ ผลที่ตามมาคือเราก็จะเก่งขึ้นได้เองครับ

โดย -Vorayuth-


อ่านคำศัพท์อื่นๆ ทางการเงินได้ที่ : https://www.finnomena.com/vocab/