ลงทุนทั่วโลกแบบ Core-Satellite
สู้ทุกสภาวะตลาด ด้วย
Krungsri The Masterpiece
Created by:
Krungsri asset management
Krungsri The Masterpiece
จุดเด่นของพอร์ตการลงทุน
- เน้นสร้างผลตอบแทนในระยะยาว แต่ไม่ละเลยความเสี่ยงและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะสั้น-กลาง
- การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ระหว่าง 30 – 70% และลงทุนอย่างน้อย 30% ในกองทุนตราสารหนี้เพื่อลดความผันผวนของผลตอบแทนการลงทุน
- ลงทุนทั้งในกองทุนที่ลงทุนในประเทศและกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
- คัดเลือกกองทุนที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากกองทุนแต่ละประเภทในแต่ละช่วงเวลา
อัปเดตสถานการณ์และสัดส่วนพอร์ตล่าสุดจาก บลจ.
วัตถุประสงค์หลักของการจัดพอร์ตการลงทุน
- เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีในทุกภาวะตลาด ในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม
หลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์
ในการคัดเลือกสินทรัพย์ บลจ. ใช้แนวทางการจัดพอร์ตการลงทุนโดยใช้การวิเคราะห์แบบ Top-Down Approach โดยวิเคราะห์การลงทุนจากภาพใหญ่ก่อนลงมาสู่ภาพเล็ก อย่างเช่น การวิเคราะห์มุมมองเศรษฐกิจเชิงมหภาคทั่วโลกและในประเทศในระยะ 1 – 2 ปีข้างหน้า มุมมองนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง จากนั้นจึงวิเคราะห์ปัจจัยในแต่ละภูมิภาค แต่ละประเทศ และแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
หลักเกณฑ์การคัดเลือกกองทุน
หลังผ่านกระบวนการคัดเลือกตลาดที่เหมาะสมแล้ว ขั้นต่อไปคือดูสินทรัพย์ที่กองทุนถืออยู่ ดูนโยบายการลงทุน วิธีการคัดเลือกหลักทรัพย์ วิธีการบริหารพอร์ตการลงทุน รวมถึงความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงาน และพิจารณาว่ากองทุนใดที่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี
กลยุทธ์หลักของพอร์ตการลงทุน
พอร์ตการลงทุนนี้มุ่งหวังที่จะสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ดังนั้นเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทางบลจ. จึงใช้กลยุทธ์การแบ่งสัดส่วนการลงทุน โดยแบ่งการลงทุนเป็นกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงและกลุ่มตราสารหนี้ โดยในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงนั้น ทางบลจ. จะเน้นลงทุนในตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed markets) และหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) สำหรับส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ สัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% เพื่อลดความผันผวนของผลตอบแทนการลงทุนของพอร์ต นอกจากนั้น บลจ.ยังใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Core-Satellite Approach ซึ่งเป็นกลยุทธ์การจัดพอร์ตที่เหมาะกับทุกสภาพตลาด การจัดพอร์ตการลงทุนโดยมีส่วนที่เป็น Core หรือพอร์ตหลัก ใช้เพื่อเป้าหมายให้เงินลงทุนมีมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนในระยะยาว และส่วนที่เป็น Satellite หรือพอร์ตเสริม เพื่อหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมในระยะสั้น-กลาง โดยจะให้น้ำหนักการลงทุนในแต่ละกองทุนใน satellite พอร์ต หรือพอร์ตเสริม ตามมุมมองเศรษฐกิจเชิงมหภาคทั่วโลกที่สรุปมาจากการวิเคราะห์แบบ Top Down Approach ข้างต้น
พอร์ตการลงทุนนี้เหมาะสมกับใคร
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงรับความเสี่ยงได้สูง เช่น นักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนให้เติบโต สามารถยอมรับความผันผวนในระยะสั้น เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร
สาเหตุในการปรับพอร์ต
- มีการเปลี่ยนแปลงในด้านพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ เช่น อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างชัดเจน การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ฯลฯ
- ความเสี่ยงในตลาดทั้งในด้านบวกและลบเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ทิศทางการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ ฯลฯ
ความถี่ในการปรับพอร์ตการลงทุน
ปีละ 2 ครั้งหรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากพอร์ตการลงทุนนี้เน้นสร้างผลตอบแทนในระยะยาว การปรับพอร์ตถี่เกินไปจะส่งผลให้ลูกค้าต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น
พอร์ตการลงทุน
กองทุนแนะนำสำหรับการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์/ภูมิภาค
กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ
KFAFIX
- เน้นลงทุนทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศ ในตราสารหนี้ และ/หรือ เงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ที่ออกรับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงิน โดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และ/หรือภาคเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ และอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ หรือที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
- ในเดือนที่ผ่านมาการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาวได้รับประโยชน์จากการปรับตัวลดลงในลักษณะแบนราบของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลภายหลังข้อมูลเศรษฐกิจของไทยยังคงอ่อนแอ และมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับแนวโน้มในช่วงเวลา 3 เดือนข้างหน้าบลจ.กรุงศรี มีมุมมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น อาจปรับลดลงได้หากภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมีโอกาสเติบโตช้ากว่าประมาณการ ในขณะที่ปัจจัยความเสี่ยงด้นภูมิรัฐศาสตร์ ในต่างประเทศ อาจส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศมีความผันผวนสูงขึ้นตามสถานการณ์ บลจ. จึงแนะนำให้จัดสรรเงินลงทุนในกองทุนประเภทนี้เฉพาะเงินลงทุนระยะยาวที่ไม่ต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น
- กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว: เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการลงทุนในตราสารหนี้ จึงควรลงทุนในกองทุนที่มีการบริหารเชิงรุก (Active Management) โดยการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในแต่ละช่วง โดยแนะนำกองทุน KFAFIX ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ระดับสูง
กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ
KF-SINCOME/ KF-CSINCOM
- ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ PIMCO GIS Income Fund Class I Acc โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
- Credit spread ที่ปรับตัวแคบลงส่งผลบวกแก่ตราสารหนี้ภาคเอกชน และตราสารหนี้ High yield ในกองทุน และสถานะชอร์ตตราสารในประเทศญี่ปุ่นและอังกฤษยังคงส่งผลดีต่อกองทุนจาก yield ที่เพิ่มขึ้น กองทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารอายุ 5 – 7 ปี ที่ถึงแม้ว่า yield จะลดลงมาพอสมควร แต่ก็ยังเชื่อว่า yield มีโอกาสที่จะลดลงได้อีก และอาจเริ่มลดสัดส่วนตราสารหนี้ High yield ลง ในกลุ่มที่มีCredit spread ที่ปรับตัวแคบลงมาก
- ขยายโอกาสการลงทุนด้วยการเพิ่มความยืดหยุ่นในการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภทที่มีศักยภาพทั่วโลก มุ่งเน้นรายได้ที่สม่ำเสมอจากการลงทุนเป็นตัวขับเคลื่อนผลตอบแทน ทั้งนี้กองทุนKF-SINCOME เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาแหล่งสร้างผลตอบแทนในรูปแบบรายได้ประจำ และ KF-CSINCOM เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมความเติบโตของผลตอบแทนไว้ในกองทุน
กองทุนตราสารทุนในประเทศ
KFENSET50
- ลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยเน้นตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET 50
กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
Developed market equity
KFGBRAND
- ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Morgan Stanley Investment Funds - Global Brands Fund (Class Z) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ความกังวลต่อประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านนั้น สร้างความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนเข้าสู่โหมด Risk-Off และต้องการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีการเติบโตสมํ่าเสมอในระยะยาว มีความทนทานในทุกวัฏจักรเศรษฐกิจนั้น คาดว่าจะยังให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
- กองทุนหลักเน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยมุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพสูง มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีแหล่งรายได้กระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคมีความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้น ตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
KF-HUSINDX
- ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ iShares Core S&P 500 ETF (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
- ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ทำให้นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบจากความขัดแย้งดังกล่าวจะมีอยู่อย่างจำกัดหากผู้เล่นสำคัญอื่นอย่างรัสเซียไม่ร่วมมือกับอิหร่าน ทั้งนี้ ตลาดรอปัจจัยบวกจากการเซ็นสัญญาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
- กองทุนหลักเน้นลงทุนใน iShares Core S&P500 ETF ซึ่งจะมีผลการดำเนินงานที่ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี โดยคาดการณ์การเติบโตยังคงมีอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับนโยบายต่างๆของภาครัฐ เช่น การปฎิรูปภาษี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
KF-EUROPE/ KF-HEUROPE
- ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Allianz Europe Equity Growth Fund (Class AT) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดย KF-EUROPE ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ส่วน KF-HEUROPE ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
- นักลงทุนกลับมา risk-off อีกครั้ง หลังจากที่ตลาดกังวลเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่มีการตอบโต้กันมากขึ้นส่งผลกระทบถึงตลาดหุ้นยุโรป อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นปีตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปปรับดีขึ้นมาโดยเฉพาะ PMI ภาคบริการแต่ยังต้องจับตาดู Brexit ในปลายเดือนมกราคม
- กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นของยุโรปที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง โดยนักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนใน KF-HEUROPE เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
Emerging market equity
KFACHINA-A
- ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ UBS (Lux) Investment SICAV - China A Opportunity (USD) (Class P – acc) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV โดยป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ธนาคารกลางจีนได้ออกมาลดอัตราส่วนสำรองการเงิน (RRR) ของธนาคารลงอีกในต้นปีเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจ นอกจากนี้ตลาดยังคาดหวังที่จะเห็นการเซ็นสัญญาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตาม ตลาดจีนและตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่รุนแรงขึ้น
- กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคและภาคบริการที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปเศรษฐกิจในระยะยาว
Multi-Asset
KFAINCOM
- ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Schroder Asian Income Fund (Class SGD X Dis) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
- แม้ว่าประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านจะส่งผลกระทบกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แต่ปัจจัยบวกจากการบรรลุข้อตกลงในขั้นแรกระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงการดำเนินมาตรการทางการเงินเชิงผ่อนคลายของธนาคารกลางหลายแห่งในเอเชีย และการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังในหลายประเทศส่งผลให้มีภูมิภาคเอเชียมีความน่าสนใจ ทั้งนี้การลงทุนแบบ Multi-Asset Income Fund ในภูมิภาคเอเชียยังมีแนวโน้มที่ดีจาก Valuation ที่ยังอยู่ในระดับน่าสนใจลงทุน และการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์จะช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดปรับตัวผันผวนได้
- กองทุนหลักเน้นการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ โดยผู้จัดการกองทุนหลักจะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กองทุนหลักเน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ประสงค์จะกระจายการลงทุนด้วยตนเอง
เกี่ยวกับ บลจ. กรุงศรี
กองทุนรวม
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนขนาดใหญ่ของประเทศ ที่ได้มีส่วนในการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับผู้ลงทุนมากว่า 20 ปี โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการการลงทุนประเภทต่างๆ ได้แก่
หลากหลายนโยบายการลงทุนครอบคลุมสินทรัพย์หลายประเภท อาทิ กองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุน LTF-RMF และกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF)
กองทุนส่วนบุคคล
บริหารเงินลงทุนเพื่อเป้าหมายเฉพาะสำหรับผู้ลงทุนรายบุคคล นิติบุคคล และสถาบัน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ทางเลือกของการลงทุนด้วยกองทุนหลากหลายนโยบาย พร้อมบริการ Employee’s Choice ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกเลือกลงทุนได้ตรงกับความต้องการผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ของตนเอง และแผนการลงทุนสมดุลตามอายุ (Life Path) ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับอายุของผู้ลงทุนที่เปลี่ยนไป รวมทั้ง Em@ccess ระบบให้บริการข้อมูลและทำรายการออนไลน์เพื่อความสะดวกสบายของสมาชิก
ด้วยการบริหารการลงทุนของทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญสูง ประกอบกับกระบวนการลงทุนที่ได้มาตรฐาน ทำให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจและได้รับความไว้วางใจจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง และในปี 2562 บลจ.กรุงศรีได้รับรางวัลจากสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ดังนี้
- Asset Management Company of the Year, Thailand (For 3 consecutive years) awarded by The Asset
- Fund House of the Year, Thailand awarded by Asian Investor
- Best Overall Asset & Fund Manager (for 2 consecutive years) and Best Online & Mobile Platform (Asset Manager) awarded by Alpha Southeast Asia Magazine
- Best Asset Management, Thailand and Best Fund Management Company, Thailand awarded by Global Banking & Finance Review
- Best Managing Director - Asset Management – Thailand and Fastest Growing Mutual Fund House – Thailand awarded by International Finance
Krungsri Asset Management
สนใจรับข้อมูลพอร์ตการลงทุนนี้
แนะนำลงทุน: 500,000 บาทขึ้นไป
ลงทะเบียนเรียบร้อย
คุณจะได้รับอีเมล์แนะนำการใช้ FINNOMENA PORT ระหว่างนี้คุณสามารถค้นหาแผนการลงทุน FINNOMENA PORT ที่เหมาะสมกับคุณ
ต่อไปดูรายละเอียดพอร์ต บลจ. อื่นๆ
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ⦿ กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ⦿ กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน อาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ⦿ กองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ผู้ลงทุนจึงอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ย ⦿ เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูลแต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ⦿ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร 0 2657 5757 และ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโน