Key Takeaways: 100% Hike for Fed
เป็นที่คาดการณ์จากตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในรอบการประชุมวันที่ 14-15 มีนาคมนี้ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสนับสนุนมาระยะหนึ่ง ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีการปรับการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อขึ้น เป็น 1.70% ในปี 2560 นี้ ตลาดยังมีการกล่าวถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ECB ก่อนการยกเลิกการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ทำให้แรงกดดันของเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทำให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น
Macro Factors
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร Non-Farm Payrolls ปรับเพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. อัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ 4.7% ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 100% จะเกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 0.25% ในรอบการประชุมวันที่ 14-15 มีนาคมนี้
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศคงนโยบายทางการเงินไว้ตามเดิม มีการปรับอัตราเงินเฟ้อปีนี้เป็น 1.70% และ 1.60% ในปีหน้า ตลาดยังมีการพูดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนการยกเลิก QE สะท้อนถึงความเห็นของนายมาริโอ ดรากี้ ที่ให้ความเห็นแบบ Hawkish มากขึ้น ทำให้แรงกดดันจากปัจจัยทั้งสอง ส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
- ทางรัฐบาลได้ปฏิเสธว่าการปรับเพิ่มขึ้นของ VAT อีก 1% เป็น 8% นั้นไม่เป็นความจริงเป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น โดยทางรัฐบาลยังยืนยันว่าหนี้สาธารณะต่อ GDP ยังอยู่ในระดับที่ดี คิดเป็น 44% ของ GDP ด้านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ก.พ. อยู่ที่ 75.8 เพิ่มขึ้นจาก 74.5 สูงสุดในรอบ 14 เดือน จากการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น
- ทาง KTAM คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ที่ 3 ครั้ง ครั้งแรก 0.25% ในรอบการประชุม 14-15 มีนาคมนี้ สอดคล้องกับความเห็นของตลาด และได้สะท้อนในตลาดไปมากแล้ว ด้านนโยบายของ ECB ยังมองเร็วเกินไปที่จะคาดถึงการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแม้ว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อจะดีขึ้นก็ตาม
Fixed Income
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในประเทศมีปรับตัวขึ้นทุกช่วงอายุตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากแรงกดดันการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปี เพิ่มขึ้น 0.04% ที่ 1.65% อายุ 5 ปี เพิ่มขึ้น 0.05% อยู่ที่ 2.25% และอายุ 10 ปีอยู่ที่ 2.86% เพิ่มขึ้น 0.08%
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามแรงกดดันการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังตลาดคาดว่าจะมีโอกาสการปรับขึ้นในรอบการประชุม 14-15 มีนาคมนี้ 100% โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 0.03% อยู่ที่ 1.35% อายุ 5ปี เพิ่มขึ้น 0.08% อยู่ที่ 2.10% และอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 0.08% อยู่ที่ 2.57%
- ยังคงน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นมากกว่าตามเดิม เนื่องจากผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีน้อยกว่า Neutral: KTSTPLUS Negative: KTFIX-1Y3Y, KT-WCORP
Equity
- ตลาดหุ้นส่วนใหญ่เริ่มเข้าสู่การปรับฐาน โดยแกว่งตัวในกรอบแคบเป็นส่วนใหญ่ มีเพียง Nikkei 225 ที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
- ด้านตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงราว 1.72% จากสัปดาห์ก่อน คาดกรอบความเคลื่อนไหว 1,530-1,570 จุดในสัปดาห์นี้ แนะนำทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว
- Positive: KTMSEQ, KTEF, KT-FINANCE, KT-INDIA
Alternative Investment
- ราคาทองคำปรับตัวเข้าสู่แนวรับสะท้อนปัจจัยเรื่องการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในรอบการประชุม 14-15 มีนาคม ทำให้ราคาทองคำอ่อนตัว เบื้องต้นเริ่มเข้าสู่แนวรับที่ให้ไว้ราว $1,174-$1,206/oz.ซึ่งทำให้อาจมีการรีบาวด์ระยะสั้น
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงรุนแรง หลังจากทาง EIA รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังมากกว่าที่ตลาดคาดี่ 2.0 ล้านบาร์เรล โดยอยู่ที่ 2.8 ล้านบาร์เรล ด้าน OPEC เองยังให้สัญญาณกับตลาดว่าอาจไม่มีการยืดระยะเวลาการลดกำลังการผลิตออกจากที่ตกลงกันไว้ที่ราวๆกลางปี 2560
- ดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ไทยยังปรับตัวในกรอบ แต่ดัชนี FTSE NA REITs ปรับตัวลดลงจากแรงกดดันของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
- ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เริ่มแกว่งตัวลดลงเล็กน้อยหลังจากที่ค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้นเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากผลการประชุมของ ECB ออกมาปรับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
- ทองคำเข้าสู่การปรับฐาน สามารถทยอยสะสมได้ตามแนวรับ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงรุนแรง ยังขาดปัจจัยหนนุนในระยะสั้น ด้านดัชนีค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลงจากแรงกดดันของการแข็งค่าของค่าเงินยูโร Positive: KT-GOLD, Neutral: KT-PIF, KT-PROPERTY
Asset Views
Tactical Idea
ไม่มีสถานะเปิดใหม่
เอกสารนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูล และมิได้ เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอ การขาย หรือการแนะนำให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ใดๆ เป็นการเฉพาะเจาะจง แม้ว่าข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารนี้จะได้มาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ แต่บริษัทไม่สามารถรับผิดชอบในความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว
“ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน”
ข้อความจำกัดความรับผิด (Disclaimer)
• เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารนี้นำมาจากแหล่งข้อมูล ที่บริษัทเห็นว่ามีความน่าเชื่อถือ แต่ไม่อยู่ในวิสัยที่จะสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยอิสระ บริษัทไม่สามารถให้การรับประกันความถูกต้องหรือสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าว และไม่อาจรับผิดชอบในความผิดพลาดในการแสดงข้อเท็จจริง หรือข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ รวมทั้งไม่สามารถรับผิดชอบต่อความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลนี้ของผู้หนึ่งผู้ใด ความเห็นที่แสดงในเอกสารนี้ประกอบด้วยความเห็นในปัจจุบันของบริษัท ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• บริษัทมิได้ให้คำปรึกษาด้านบัญชี ภาษี หรือกฎหมาย โดยผู้ลงทุนควรปรึกษาเรื่องดังกล่าวกับที่ปรึกษา และหรือผู้ให้คำปรึกษา ก่อนการตัดสินใจใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลในเอกสารนี้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาว่าการลงทุนดังกล่าวมีความเหมาะสมกับตนเอง และควรได้รับคำปรึกษาจากผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนที่ได้รับอนุญาต
• บริษัทมิได้มอบอำนาจให้บุคคลใดเป็นผู้ให้ข้อมูล หรือเป็นตัวแทน รับรอง แสดง หรือรับประกันข้อมูลใดๆที่มิได้ปรากฏอยู่ในหนังสือชี้ชวนทั้งนี้ หากมีการกระทำดังกล่าว ให้ถือว่าข้อมูลที่กล่าวถึงนั้นไม่อาจนำมาประกอบการพิจารณาได้
• ผลตอบแทนในอดีตมิได้แสดงถึงผลตอบแทนในอนาคต และมูลค่าของเงินลงทุน รวมถึงรายได้จากการลงทุนสามารถลดลงและเพิ่มขึ้นได้ ผลตอบแทนในอนาคตไม่สามารถรับประกันได้ และผู้ลงทุนอาจได้รับเงินคืนน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก แม้กระทั่งในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นประเภทคุ้มครองเงินต้นก็ตาม เนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงที่ผู้ออก ตราสารไม่สามารถชำระหนี้บางส่วนหรือทั้งหมดตามสัญญาได้ ความเห็นที่แสดง ณ ที่นี้ เป็นความเห็นปัจจุบันตามวันที่ระบุในเอกสารนี้เท่านั้น
• ไม่มีการรับประกันว่ากลยุทธ์การลงทุนนี้จะมีประสิทธิผลภายใต้ภาวะตลาดทุกประเภท และผู้ลงทุนแต่ละท่านควรที่ จะประเมินความสามารถของตนในการที่จะลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลง
• ผู้ลงทุนสามารถทำการศึกษาและขอรับข้อมูลสาระสำคัญของกองทุนรวม รวมถึงนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานย้อนหลังได้จากผู้แทนขายที่ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และเว็บไซต์ของบริษัท www.ktam.co.th
• © สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย