โดนัลด์ ทรัมป์

วันที่ 20 ม.ค.นี้ ก็จะได้ฤกษ์การขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งบรรดาขาประจำที่เป็นกองแช่งไม่ว่าจะเป็นนายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์สหรือนายนูเรล รูบินี ต่างพาเหรดกันมาฟันธงว่าว่าที่ ปธน.ทรัมป์มีนโยบายที่จะพาอเมริกาเข้าสู่ยุคตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ที่จริงแล้วแม้ผมเองเป็นหนึ่งในคนที่ประเมินว่าทรัมป์มาเหนือฮิลารี คลินตันแน่ ด้วยวลี ‘เกลียดทรัมป์ ต้องทำใจ’ ถึงตรงนี้ ผมกลับมองเหมือนขาประจำว่ามีความเสี่ยงอยู่หลายประการที่คนที่เชียร์ปธน.ทรัมป์ ต้องทำใจว่าเขาอาจไม่สามารถพาอเมริกาไปถึงฝั่งฝัน ดังนี้

หนึ่ง ผมคิดว่าการที่นายทรัมป์ดูจะไม่เข้าใจถึงผลกระทบที่รุนแรงหากเข้าไปแทรกแซงการทำงานของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจนไม่เป็นอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการบีบให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเงินออมของคนวัยเกษียณหรือชาวรากหญ้าเร็วเกินไป หรือแม้กระทั่งวกกลับแบบ 180 องศา ไปพิมพ์เงินแบบ QE ใหม่ หากเศรษฐกิจสหรัฐเกิดสะดุดขึ้นมา จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนโมเมนตัมแบบกลับหลังหันได้ ผมเชื่อเสมอว่าผู้ที่มีอำนาจขึ้นมาใหม่ๆและฉลาดมาก มีจุดอ่อนตรงที่เชื่อมั่นในความคิดของตนเองเกินไป ผมคิดว่าไม่ว่านายทรัมป์จะไปสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโกหรือกลับไปเป็นมิตรกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน หรือแม้กระทั่งทะเลาะกับผู้นำจีน ก็ไม่ทำให้แผนการฟื้นอเมริกาให้กลับมายิ่งใหญ่ของนายทรัมป์สะเทือนหรือสะดุดลง ทว่าหากนายทรัมป์มาแตะเรื่องเฟดแบบบ้าบิ่นเมื่อไหร่ ผมคิดว่าน่าจะเตรียมขายหุ้นสหรัฐได้เลย เพราะนั่นหมายถึงจุดเริ่มต้นของบทอวสานของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เริ่มขึ้นแล้ว

สอง ได้เห็นนายทรัมป์กอดคอกับ แจ็ค หม่า แห่ง Alibaba พร้อมกับสัญญาว่าจะสร้างงานให้อเมริกาเป็นล้านตำแหน่ง ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี ทว่าคงต้องยอมรับว่าแจ็ค หม่า มีฐานลูกค้าในประเทศจีนเป็นหลัก แล้วทางการจีนก็สามารถที่จะส่งสัญญาณให้ Alibaba อย่าไปให้ความร่วมมือกับสหรัฐได้ง่ายมาก แค่ไม่ให้ Alipay ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินของวัยรุ่นรายใหญ่ที่สุดในจีน สามารถทำธุรกิจในจีน นายหม่าก็คงหันหลังให้อเมริกาทันทีแล้ว ดังนั้น การเล่นสงครามการค้ากับจีนของนายทรัมป์จนรัฐบาลจีนบีบไม่ให้เอกชนรายใหญ่ต่างๆ สนับสนุนด้านการจ้างงานให้กับสหรัฐเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ ผมจึงมองว่าการต่อสายตรงคุยกับไช่ อิง เหวิน ผู้นำของไต้หวันนั้น อีกสักพัก นายทรัมป์คงจะทราบถึงผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐว่ามากมายขนาดไหน เพราะต้องไม่ลืมว่าลูกค้าหลักของบริษัททั่วโลกในตอนนี้คือชาวจีน

สาม ต้องยอมรับว่านายทรัมป์ใช้ ทวิตเตอร์ ในการหาเสียงเก่งมากจนมีชัยเหนือนางคลินตัน ในตอนนี้หันมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับแทรกแซงนโยบายของบริษัทใหญ่ๆในสหรัฐให้เป็นประโยชน์กับแนวทางของตนเอง ผมคิดว่า ในอนาคตอันใกล้ หากยังเกิดสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ น่าจะมีการรวมกลุ่มกันเพื่อแอนตี้ทรัมป์ขึ้นมา ตรงนี้ แม้จะเหมือนเป็นเรื่องไม่ใหญ่ ทว่าการรวมตัวกันของบริษัทต่างๆ ที่มาเรื่อยๆ อาจเป็นจุดชนวนที่มีผลต่อภาคธุรกิจแบบที่มีผลต่อจีดีพีของสหรัฐได้ไม่น้อยเหมือนกัน

สี่ ผมได้ยิน นายเรกซ์ ทิลเลอร์สัน ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ให้การต่อวุฒิสภาด้วยความเป็นห่วงว่ารัสเซียก็อาจก่อความเสี่ยงต่อสหรัฐได้อยู่ไม่น้อยหากอเมริกาไม่ระมัดระวังผมมองว่านายทรัมป์เองแม้จะเก่งและกล้าในเชิงธุรกิจก็จริง แต่ถ้าแนวสายดาร์ก ผมว่านายทรัมป์อาจถูกนายปูตินที่เติบโตกับการเป็นสายลับมาโดยตรงคลอบงำในแง่ของการต่างประเทศ หรือแนวสายลับและจารกรรมได้ไม่ยาก ความลับทางการทหารเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่นายทรัมป์เองคงไม่เหนือว่านายปูตินในแง่ความเก๋าเป็นแน่แท้

ท้ายสุด สิ่งที่กังวลแทนนายทรัมป์มากที่สุดคือการเกิดการประท้วงในสหรัฐของคนที่เลือกทรัมป์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากนโยบายที่สัญญาไว้ของนายทรัมป์ไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญา ทั้งนี้ หากกลุ่มคนขาวผู้ใช้แรงงานเกิดลุกฮือขึ้นมาความรุนแรงคงจะไม่แพ้คนผิวสีอย่างแน่นอน

มาถึงตรงนี้ คนเชียร์ปธน.ทรัมป์ให้พาอเมริกากลับมายิ่งใหญ่… อาจต้องทำใจว่าโอกาสที่จะสำเร็จไม่ได้มากกว่าที่จะไม่สำเร็จครับ

ที่มาบทความ : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/640065