ช่วยเลือกกองทุนประหยัดภาษีแบบ Rule of Thumb

ในบทความของวันแรกของปี 2021 ผมเขียนถึงอีทีเอฟ ARK ว่าเป็นอีทีเอฟแห่งปี 2020 ของโลก มาถึงบทความแรกในปี 2022 ผมขอกลับมาวิเคราะห์กองทุนที่ใกล้ตัวกันบ้าง ซึ่งหลายท่านน่าจะต้องทำกันทุกปี นั่นคือการตัดสินใจจะเลือกกองทุนประหยัดภาษีกองไหนดี โดยในปีนี้ ผมขอแชร์การวิเคราะห์ของผมเอง ซึ่งทำไว้แบบที่ถือว่าละเอียดพอสมควร โดยที่ต้องขอบอกว่าความเห็นของผมอาจจะแตกต่างจากท่านผู้อ่าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับมุมมองในเรื่องนี้

ขอเริ่มจากเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินกองทุนแบบ Rule of Thumb ของผมกันก่อนว่าเป็นอย่างไร ดังนี้

  1. ผมมักจะถือกองทุนรวมยาวกว่า 1 ปี โดยทั่วไป มักจะถือไว้ประมาณ 3 ปีหรือนานกว่านั้น ถ้าคุณลงทุนแบบนี้ควรดูตัวเลือกการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้นๆ ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาหรือนานกว่านั้น เพราะมักจะมีโอกาสทำกำไรใน 3 ปีถัดไป ซึ่งดีกว่ากองทุนรวมที่มีผลตอบแทนต่ำกว่า ดังนั้นทางออกของปัญหาว่าจะเลือกลงทุนกองทุนไหนดีนั้นแทบจะหมดไปหากลงทุนยาวหน่อย โดยเลือกลงทุนกองทุนรวมที่มีผลตอบแทนดีๆ ในช่วงระยะเวลาเท่ากับหรือนานกว่าช่วงเวลาที่คุณวางแผนจะถือ
  2. นอกจากนี้ แนะนำให้พิจารณากองทุนรวมที่มีคุณลักษณะ 4 ประการ คือ

ประการหนึ่ง อย่าเลือกกองทุนตัวที่มีผลประกอบการในปีใดปีหนึ่งหรือมากกว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนรวมในกลุ่มเดียวกันมากจนเกินไป เนื่องจากจากอดีตที่ผ่านมา แทบจะไม่มีกองทุนใดที่สามารถชนะตลาดแบบทิ้งขาดมากๆ มากกว่า 1 ปี หากประเมินในช่วงระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี

ประการที่สอง อย่าเลือกกองทุนรวมที่อยู่ในโซนที่โหล่รั้งท้ายคือในช่วงอันดับร้อยละ 10 จากข้างล่าง เช่นหากมีกองทุน 50 กอง อย่าเลือกกองที่เคยได้อันดับ 46-50

ประการที่สาม อย่าเลือกกองทุนที่ครองแชมป์ติดต่อกัน 2-3 ปี เพราะเสี่ยงว่าจะซื้อของแพง

ประการที่สี่  ให้เลือกกองทุนรวมที่ติดอันดับครึ่งแรกของตารางตลอด 5 ปี หรือถ้าดีกว่านั้น ได้ติดอันดับหนึ่งในสี่ของตารางตลอด 5 ปี

ผมใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าว ประเมินกองทุนรวมประหยัดภาษีของ 7 บลจ. ที่ผมมองว่ามีการออกกองทุนประหยัดภาษีค่อนข้างมาก โดย 4 บลจ. มาจากธนาคารขนาดใหญ่ และ 3 บลจ. มาจากที่ไม่ใช่แบงก์ใหญ่

ปรากฏว่า ได้กองทุน อันดับแรกใน 3 หมวด ของ SSF และ RMF ดังนี้

โดยหมวดแรกเป็นหมวดของกองทุนที่เน้นการจ่ายปันผลและดอกเบี้ย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นกองทุนที่มีตราสารหนี้และหุ้นแนวเน้นผลตอบแทนระยะยาวผสมอยู่ค่อนข้างมาก เริ่มจาก SSF ขอเลือก กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม  ชนิดเพื่อการออม (K-GINCOME-SSF) ซึ่งมีกองทุนแม่เป็น JPMorgan Investment Funds – Global Income Fund

เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอในแต่ละปี ส่วนของกองทุน RMF ในหมวดนี้ ผมเลือกกองทุนบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF) ซึ่งมีกองทุนแม่เป็น Wellington Global Health Care Equity Fund ด้วยเหตุผลเดียวกัน

สำหรับในหมวดที่สอง เป็นหมวดของกองทุนที่เน้นกองทุนหุ้นต่างประเทศ เริ่มจาก SSF ที่ถือครองขั้นต่ำ 10 ปี เลือกกองทุน ONE-UGG-ASSF ซึ่งมีกองทุนแม่เป็น Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund

เน้นหุ้นเติบโตสูงแบบระยะยาวทั่วโลก โดยให้น้ำหนักไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐมากที่สุด ส่วนของกองทุน RMF ในหมวดนี้ ผมเลือกกองทุน KEURMF ซึ่งมีกองทุนแม่เป็น   Allianz Europe Equity Growth

โดยมองว่าคนซื้อ RMF ส่วนใหญ่ น่าจะมีระยะเวลาถือครองน้อยกว่า 10 ปี ซึ่งตลาดหุ้นยุโรปน่าจะมีมูลค่า ณ ตรงนี้ ยังไม่แพงมากจนเกินไป

สำหรับในหมวดที่สาม เป็นหมวดของกองทุนที่เน้นแบบการลงทุนทางเลือก เริ่มจาก SSF ขอเลือก กองทุน MRENEW-SSF ซึ่งมีกองทุนแม่เป็น BGF Sustainable Energy Fund เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับกองทุนอื่น ๆ ในลักษณะใกล้เคียงกันแต่มีระดับความเสี่ยงที่ดูต่ำกว่า ส่วนของกองทุน RMF ในหมวดนี้ ผมเลือกกองทุน KFINFRARMF ซึ่งมีกองทุนแม่เป็น Credit Suisse (Lux) Infrastructure Equity Fund เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอในแต่ละปี

หากใครที่สนใจกองทุนรวม จะพบว่ากองทุนเกือบทั้งหมดเป็นกองทุนที่ถือว่าคุ้นหูกันในระดับหนึ่ง อาจจะมี MRENEW-SSF ที่ยังถือว่าค่อนข้างใหม่ ผมจึงนำมาทดสอบกับกองทุนชั้นนำในลักษณะที่มีความใกล้เคียงกัน ปรากฏว่าก็ยังมองว่า MRENEW-SSF ดูน่าสนใจมากอยู่ดี

และทั้งหมดคือกองทุนประหยัดภาษีในปีนี้ที่ผมมองว่าน่าสนใจ แต่ต้องไม่ลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจในการลงทุน

ช่วยเลือกกองทุนประหยัดภาษีแบบ Rule of Thumb

MacroView

ที่มาบทความ: http://www.macroviewblog.com/blog/investment/taxfund2021/


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน  ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

iran-israel-war