นับตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤตปี 2008 เป็นต้นมา หุ้นกลุ่มหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นขวัญใจของนักลงทุนรายย่อยก็คือ “หุ้น IPO” ประสบการณ์การบวกรุนแรงในวันแรกของหุ้น IPO ทำให้ ชื่อของหุ้นเหล่านั้น เป็นที่จดจำและติดตาตรึงใจแมงเม่าเหลือเกิน

ใครที่ลงทุนในตลาดหุ้นมาซักระยะ คงได้ยินเพื่อนๆนักลงทุนคุยกัน ผ่านทางเว็ปบอร์ดบ้าง ทาง Facebook บ้าง เวลาพักเที่ยงบ้าง บนวงเหล้าบ้างว่า
“โบรกฯ …. ให้หุ้น IPO ฉันมา บอกราคาจะไป … บาท”
“เล่นหุ้น IPO สิ วันสองวันก็ได้กำไร ง่ายจะตาย”
“Underwriter ไม่ยอมให้เสียชื่อหรอก ยังไงๆ ต้องลากให้เหนือราคาจองแน่ๆ”

ก็ว่ากันไปนะครับ ผมขอพาไปดูสถิติย้อนหลังของหุ้น IPO ที่เข้าสู่ SET Index และ ตลาด MAI ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาซักหน่อย

ในปี 2009 มีหุ้น IPO เข้าตลาดทั้งหมด 17 ตัว ปัจจุบัน มีหุ้น 2 ตัวยังเทรดราคาต่ำจอง และต่ำกว่าราคาปิดวันแรก คิดเป็นหุ้นที่ได้กำไร 15 ใน 17 ตัว เท่ากับ 88% ดูอย่างนี้ หุ้น IPO ก็น่าสนใจใช่ไหมครับ?
ในปี 2010 มีหุ้น IPO เข้าตลาดทั้งหมด 11 ตัว ปัจจุบัน มีหุ้นแค่ตัวเดียวที่ยังเทรดราคาต่ำจอง และต่ำกว่าราคาปิดวันแรก คิดเป็นหุ้นที่ได้กำไร 10 ใน 11 ตัว เท่ากับ 90% นี่มันเป็นการยืนยันเลยว่า หุ้น IPO เนี่ยละ ของดีจริง!!
ในปี 2011 มีหุ้น IPO เข้าตลาดทั้งหมด 11 ตัว แต่เหตุการณ์ชักไม่เป็นเหมือนเดิม ปัจจุบัน ผ่านมาจะครบ 3 ปี มีหุ้นที่ยังเทรดราคาต่ำจอง 3 ตัว และต่ำกว่าราคาปิดวันแรก 7 ตัว คิดเป็นหุ้นที่ได้กำไร 4 ใน 11 ตัว เท่ากับ 36% อ้าว เกิดอะไรขึ้นละเนี่ย
ในปี 2012 มีหุ้น IPO เข้าตลาดทั้งหมด 17 ตัว ปัจจุบัน มีหุ้น 13 ตัว ที่เทรดต่ำกว่าราคาปิดวันแรก คิดเป็นหุ้นที่ได้กำไร 4 ใน 17 ตัว เท่ากับ 23% ดู % ลดลงอย่างมากเลยนะครับ แต่ถ้ามองในอีกมุม 16 ใน 17 ตัว นั้น ปัจจุบัน ราคาสูงกว่า ราคาจอง หรือคิดเป็น 94% ของหุ้น IPO ในปี 2012 ทั้งปีเลยทีเดียว
ในปี 2013 ปีนี้ มีหุ้น IPO เข้าตลาดทั้งหมด 26 ตัว ปัจจุบัน มีหุ้น 9 ตัวยังเทรดราคาต่ำจอง คิดเป็น 34% และมีหุ้นที่เทรดต่ำกว่าราคาปิดวันแรกถึง 22 ตัว เท่ากับว่า มีหุ้นที่ยังกำไรอยู่แค่ 16% ของหุ้น IPO ทั้งหมดในปีนี้เท่านั้น

จากสถิติย้อนหลังที่ผ่านมา เห็นอะไรไหมครับ สำหรับผม ผมเห็น 4 อย่าง
1. ผมก็เห็นว่า หุ้น IPO มันก็ไม่ใช่ของชัวร์ ก็มีความไม่แน่นอน เช่นเดียวกับหุ้นตัวอื่นๆที่อยู่ในตลาด
2. โอกาสของนักลงทุนที่จะกำไรหุ้น IPO มากๆ จะมีก็ต่อเมื่อ ได้สิทธิจองซื้อ IPO ตั้งแต่แรก
3. ส่วนแมงเม่าที่เข้าไปร่วมวงหุ้น IPO ในวันเทรดวันแรก เกินกว่า 80% ก็โดนเผาเกรียมอยู่ในกองไฟ แต่เม่าไทย เป็นเม่า 9 ชีวิต มีญาติเป็นนกฟีนิกซ์ สามารถฟื้นตัวจากเถ้าถ่านขึ้นมา แล้วโดนเผาได้อีกหลายรอบนะขอบอก (^^”)
4. หุ้น IPO เมื่อเข้าตลาดแล้ว ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวนดัชนี และเป็นเรื่องปกติที่จะเคลื่อนไหวในระยะสั้นตาม Sentiment ของตลาด หากตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นรุนแรงอย่างปี 2009-2010 ก็จะเห็นว่า โอกาสทำกำไรมีสูงกว่าปี 2011 หรือปีนี้ที่ตลาดหุ้นเหวี่ยงแรงเหลือเกิน

จะหุ้น IPO หรือหุ้นไม่ IPO สิ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาก็คือ ปัจจัยพื้นฐาน อนาคตของกิจการบริษัท ความโปร่งใส และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ในการพิจารณาเบื้องต้น
ความยากของการวิเคราะห์หุ้น IPO ก็คือ ไม่มี Track Record ให้ดูมาก่อน จึงต้องอาศัยความมั่นใจที่สูงมาก หรืออาศัยการวัดดวงที่เสี่ยงกว่าปกติในการพิจารณาลงทุนนะครับ

ไม่ได้จะห้ามกัน แต่อยากให้ใช้สติหันกลับมามองตามความเป้นจริงกันก่อน่ว่า “ของฟรี ไม่มีในโลก” และ “ของง่าย ไม่มีในตลาดหุ้น”