B-GLOBAL

… ในยามที่ เงินท้วมโลก
… ในยามที่ ดอกเบี้ยต่ำติดดิน
… ในยามที่ ตลาดหุ้นไทย วิ่งมาไกลจนไม่กล้าไล่ซื้อ

ในเวลาแบบนี้ ถือเป็นความทุกข์ของนักออมเงิน และนักลงทุนนะครับ เพราะการจะไปไล่หาผลตอบแทนดีๆ เอาแค่ที่มันน่าจะชนะเงินฝากเงินเฟ้อ ก็ยังมองไม่เห็นว่ามีทางไหนเหมาะๆเลย

อย่ากดดันตัวเองเกินไปครับ!! เราควรกลับมาที่หลักการการลงทุนที่ถูกต้องจะดีกว่า

  1. อย่าวิ่งไล่ตามหาผลตอบแทนในระยะสั้น (ต่ำกว่าปี 1) เพราะคนที่เดาถูก มีไม่เยอะ แต่คนที่เดาผิด เจ็บตัวนี่ มีเพียบ
  2. การกระจายความเสี่ยง ในภาวะการลงทุนแบบนี้ เป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะมันลดความผันผวนของพอร์ต และสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ยั่งยืนกว่า

ผมมีตารางที่น่าสนใจอันหนึ่ง

ผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยงรายปี

รูปที่ 1 : อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์การลงทุนแต่ละประเภทรายปี (2006 – 2015)
แหล่งข้อมูล : https://www.americancentury.com

ในระยะเวลาภายใน 1 ปี คุณจะเห็นว่า การจะหาสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนดีที่สุดนั้น อาจทำได้อยาก เพราะมันเปลี่ยนตำแหน่งสลับลำดับกันตลอด เด๋วปีนี้หุ้นขนาดใหญ่ดี ปีนี้ทองมา ปีต่อไป อาจเป็นตราสารหนี้ ดังนั้น นักลงทุนผู้ชาญฉลาด ไม่มีเวลาบริหารและนั่ง Timing ตลาดในระยะสั้น จึงจัดพอร์ตการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสมแทน

จากตารางด้านบน จะเห็นว่า ผลตอบแทนของหุ้นขนาดใหญ่ ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ความเสี่ยง (Volatility) ต่ำกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นพอสมควร ดังนั้น การจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยงไปลงทุนหุ้นใหญ่ กระจายๆไป จึงให้ผลตอบแทนที่คุ้มกับความเสี่ยงในระยะยาว (ในระยะสั้นมันคงมีแพ้บ้าง เหวี่ยงบ้าง อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา)

ถ้าอยากกระจายความเสี่ยงลงทุนตลาดหุ้นโลก กองทุนเดียว ควรเลือกยังไง?

อย่างแรกนะครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่า นักลงทุนสามารถหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้จากความสามารถในการคัดเลือกหุ้น และจัดพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม

และผมก็เชื่อว่า ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่ทุกๆวันนั่งวิเคราะห์ ค้นหาหุ้นให้เรา ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ที่ตัวเองรัก ผมเชื่อว่า น่าจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าค่าเฉลี่ย ดีกว่าดัชนีชี้วัด เลยทำให้ผมชอบเลือกกองทุน Active Management Portfolio หรือ บริหารพอร์ตแบบเชิงรุก ตั้งเป้าจะชนะดัชนีชี้วัดในระยะยาว

หนึ่งกองที่น่าสนใจ และพิสูจน์แล้วว่าในระยะยาวผลตอบแทนคงเส้นคงวาคือ Wellington Management Portfolios (Luxembourg) – Global Opportunities Equity Portfolio ซึ่งกองทุนในไทยที่ไป Feed ในกองทุนนี้ก็คือ B-GLOBAL

Wellington ดียังไง?

ถ้าคุณเป็นแฟนพันธ์แท้กองทุนจากค่าย บลจ. บัวหลวง ก็น่าจะรู้จัก “B-CARE” บ้างไม่มากก็น้อย กองทุน B-CARE เป็นกองทุนที่ลงทุนใน Theme “Global Healthcare” เป็นกองทุนแรกในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ และกองทุนหลักที่ต่างประเทศที่ B-CARE ไปลงทุน ก็คือ “Wellington Management Portfolios (Dublin) Plc.Global Health Care Equity Portfolio” จากค่าย Wellington นี่เองนะครับ

จุดเด่นของ Wellington Management คือ มีนักวิเคราะห์ทั่วโลกอยู่ราวๆ 300 คน ปรัญชาการหาหุ้นคือ LOCAL KNOWLEDGE, GLOBAL REACH นั่นก็คือ ใช้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และประเทศนั่นๆในการวิเคราะห์ เพราะเชื่อว่า เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เข้าใจธุรกิจ และเจาะลึกข้อมูลได้มากกว่า ใครสนใจข้อมูลบริษัท ก็ไปตามต่อที่ลิงค์นี้ครับ https://www.wellington.com

Wellington Management Portfolios (Luxembourg) – Global Opportunities Equity Portfolio เน้นลงทุนโดยมีเป้าหมายคือ ชนะดัชนี MSCI All Country World ในระยะยาว ขนาดของกอง ตอนนี้ก็ ราว 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งให้น้ำหนักการลงทุนในสหรัฐฯ เกินกว่า 60%

B-GLOBAL01

รูปที่ 2 : Portfolio Breakdown ของกองทุน Wellington Management Portfolios (Luxembourg) – Global Opportunities Equity Portfolio
แหล่งข้อมูล : http://www.morningstar.co.uk/uk/funds/snapshot/snapshot.aspx?id=F00000NF3V

เนื่องจาก B-GLOBAL ยังตั้งมาไม่ถึงปี เพราะฉะนั้น จะดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง ต้องไปดูที่กองทุนหลัก

B-GLOAL 02

รูปที่ 3 : ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี กองทุน Wellington Management Portfolios (Luxembourg) – Global Opportunities Equity Portfolio
แหล่งข้อมูล : http://www.bloomberg.com/quote/WLLGOEJ:LX

จากกราฟข้างบน ผมเปรีบเทียบกองทุน Wellington Management Portfolios (Luxembourg) – Global Opportunities Equity Portfolio กับ iShares MSCI ACWI ETF ที่เป็น Passive Fund เน้นวิ่งตามดัชนี MSCI ACWI (All Country World) ก็จะพบว่า ระยะยาว เป็นอย่างที่คิดไว้คือ ชนะขาดลอย

แต่ระยะสั้น ก็แพ้นะ?

ก็จริงครับ ดูรูปที่ 4 ประกอบ

B-GLOAL 03

รูปที่ 4 : ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี กองทุน Wellington Management Portfolios (Luxembourg) – Global Opportunities Equity Portfolio
แหล่งข้อมูล : http://www.bloomberg.com/quote/WLLGOEJ:LX

สาเหตุที่ผลตอบแทนหนึ่งปีที่ผ่านมา กอง Wellington แพ้เยอะทีเดียว ก็มาจากการที่กองทุนให้น้ำหนักกลุ่ม สถาบันการเงิน, Healthcare ,และกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าพื้นฐานต่อการดำรงชีพ มากกว่าตลาด ในขณะที่ 3 กลุ่มนี้ ปีนี้ โดนปัจจัยกดดันหลายอย่าง ในขณะที่ผลประกอบการที่ประกาศออกมา ไม่ได้แย่เท่ากับราคาหุ้นที่ร่วงลงไป ตรงนี้ นักลงทุนบางคนก็บอกว่า นี่คือ Opportunity to Buy

Top 5 Holdings

Bristol-Myers Squibb Company เป็น บริษัทผลิตยาด้านชีวเวชภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตในด้านการผลิต และขายยารักษาโรค + ยาบำรุง ตัวบริษัทมีการทดลองและวิจัยเพื่อรักษาโรคร้ายแรงอย่าง โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เอดส์ เบาหวาน ไขข้อ ตับอักเสบ โรคที่ร่างกายปฏิเสธในการรับการปลูกถ่ายอวัยวะ และความไม่ปกติทางจิตต่างๆด้วย ซึ่งถ้าเกิดสำเร็จขึ้นมา ได้สิทธิบัตรยา ก็เป็นแหล่งสร้างผลกำไรให้บริษัทในระยะยาวได้อีกหลายทีเดียว

Microsoft Corp หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก มีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองเรดมอนด์ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา 

Mondelez International Inc Class A บริษัทขนม ชอกโกแล๊ต อาหารและเครื่องดื่ม ที่เราทุกคนต้องเคยกินไม่ต่ำกว่าหนึ่งอย่าง เช่น โอรีโอ ชิปอะฮอย แคทเบอร์รี่ ท็อปเบอโลน เป็นต้น ล่าสุด บริษัทมีพนักงานกว่า เกิน 107,000 คนทั่วโลกทีเดียว

Colgate-Palmolive Co ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้าน, เครื่องใช้เพื่อสุขภาพ และเครื่องใช้ส่วนตัว เช่นผลิตภัณฑ์สบู่, ผงซักฟอก, สินค้าเพื่อสุขอนามัยในช่องปาก รายใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งของโลก ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงและเรารู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ ยาสีฟันคอลเกต และสบู่และยาสระผมปาล์มโอลีฟ

The Estee Lauder Companies บริษัทผู้ผลิตและทำการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว น้ำหอม และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ผู้หญิงทุกคนสวยได้”

จะเห็นว่า หุ้นที่กองทุนถือ ก็คือ บริษํทชั้นนำที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ และมีมูลค่า Brand มหาศาล ยากที่จะโค้นล้มได้ในระยะสั้นนะครับ

สรุปคือ ถ้าจะเน้นกระจายความเสี่ยง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว โดยเชื่อว่า

  1. ต้องกระจายการลงทุนในต่างประเทศบ้าง เพื่อลดความเสี่ยงและความผันผวนอันอาจเกิดจากพอร์ตการลงทุนกระจุกตัวในประเทศมากเกินไป
  2. เชื่อว่า ผู้จัดการกองทุนที่เก่ง และมีความเชี่ยวชาญ สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัด (Benchmark) ได้ในระยะยาว
  3. ชื่นชอบ หลักการลงทุนแบบ Bottom Up เน้นศึกษาเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นที่มาของผลตอบแทนในระยะยาว
  4. ต้องการเลือกกระจายลงทุนในต่างประเทศแบบกองเดียวจบ (เน้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว)

ก็ลองพิจารณา B-GLOBAL หรือใช้กองทุนนี้ เป็นแนวทางในการศึกษาหาการลงทุนที่เหมาะกับท่านในอนาคตก็ได้นะครับ ไม่ว่ากัน

แหล่งที่มาข้อมูล :-
Bloomberg
http://www.morningstar.co.uk/uk/funds/snapshot/snapshot.aspx?id=F00000NF3V
https://www.wellington.com/en

คำเตือน
• การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันผลการดำเนินในอนาคต
• การนำเสนอข้อมูลข้างต้น มิใช่การให้คำแนะนำการลงทุน
• การลงทุนใดๆ ต้องเกิดจากการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจลงทุน บนความเสี่ยงที่รับได้ของนักลงทุนเอง
• ทางผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียในทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ข้อมูลข้างต้น