cg-ltf

หากพูดถึงกองทุน LTF ที่สามารถสร้างผลตอบแทนในอดีตได้ดีติดอันดับ 1 ใน 5 เป็นเวลายาวนานไม่ต่ำกว่า 5 ปี กองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว หรือ CG-LTF จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่นักลงทุนสนใจ

นโยบายการลงทุนของกองทุน CG-LTF

ถือว่ามีความแตกต่างไปจาก LTF ทั่วไป โดยจ ผู้จัดการกองทุน เชื่อว่า การสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ตามเงื่อนไขของการถือครอง LTF นั้น ถ้าเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีฐานะทางการเงินดี มีอัตราการเจริญเติบโตสูง และมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอนั้นอาจไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการลงทุน ดังนั้น CG-LTF จึงมีการเพิ่มเกณฑ์ที่ใช้ในการลงทุน นั้นก็คือ การเพิ่มเกณฑ์การลงทุนทางด้านความโปร่งใส, ความถูกต้องและการเปิดเผยข้อมูล รวมถึงความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัท ซึ่งทางผู้จัดการกองทุนมองว่า เกณฑ์เหล่านี้ จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวของผู้ลงทุนในกองทุนได้ ด้วยเหตุนี้ ชื่อกองทุน เลยใช้คำว่า “บรรษัทภิบาล”

ซึ่งในปัจจุบัน หน่วยงานในการกำหนดกรอบการจัดเกณฑ์บรรษัทภิบาลที่ดี ทางกองทุนได้ใช้กรอบการจัดเกณฑ์บรรษัทภิบาล (CG Scoring) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ( IOD ) และหน่วยงานอื่นๆ เช่น  บริษัท ไทยเรทติ้ง แอนด์อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส จำกัด (TRIS) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นต้น

หลักเกณฑ์สำคัญในการประเมินระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ IOD มีดังนี้

  1. สิทธิของผู้ถือหุ้น (Rights of Shareholders)
  2. การปฏิบัติที่เท่าเทียมกันต่อผู้ถือหุ้น (Equitable Treatment of Shareholders)
  3. บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย (Role of Stakeholders)
  4. การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส (Disclosure and Transparency)
  5. ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ (Responsibilities of the Board)

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%93%e0%b8%91%e0%b9%8c-iodรูปที่ 1 : หลักเกณฑ์การสำรวจและการประเมินระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ IOD
แหล่งที่มา : http://www.thai-iod.com/

ตัวอย่างรายชื่อบริษัทธรรมาภิบาลที่ได้รับคะแนนดีเลิศ หรือ Top Quartile ประจำปี 2016 นี้

iod-ex
รูปที่ 2 : ตัวอย่างรายชื่อบริษัทธรรมาภิบาลที่ได้รับคะแนนดีเลิศ หรือ Top Quartile ประจำปี 2016
แหล่งที่มา : http://www.thai-iod.com/

ทั้งนี้ กองทุนกำหนดไว้ว่า ต้องลงทุนในหุ้น CG ก็จริง แต่ก็เปิดรูมไว้สำหรับหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็กที่มีการเติบโตสูง และมีการกำกับดูแลที่ดี แต่อาจยังไม่ได้รับจัด CG Score ซึ่งทางผู้จัดการกองทุนบอกว่า สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 20% ของพอร์ต เป็นการควบคุมความเสี่ยง และเพิ่ม Tactical Port ในระยะสั้น

หากนับผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี ของ CG-LTF ปัจจุบันก็ติดอันดับอยู่ใน Top 3 ของกองทุนหุ้นระยะยาวทั้งตลาด โดยทำผลตอบแทนย้อนหลังได้ถึง 15.51%ต่อปี เมื่อเทียบกับ SET Index ที่ให้ผลตอบแทน 11.78% ในช่วงเวลาเดียวกัน

cg-ltf-5-year

รูปที่ 3 : ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี กองทุน CG-LTF เปรียบเทียบกับ SET Index
แหล่งที่มา : Bloomberg ณ วันที่ 13 พ.ย. 2559

เมื่อดูเป็น % ผลตอบแทนเทียบกับ SET Index อาจจะเห็นว่าไม่เยอะ เพียงแค่ 3.73% เท่านั้น แต่อย่างลืมว่า นี่คือผลตอบแทนต่อปี หากถือครอง 5 ปีเต็ม ก็เท่ากับผลตอบแทนชนะ SET Index 18.65% ทีเดียว

คำถามที่ผมมักจะเจอเวลาคนเข้ามาถามกองทุที่เปิดมาแล้วนานๆก็คือ “กองทุนนี้น่าสนใจจริงหรอ ตอนนี้ ราคา NAV พุ่งขึ้นไปเกิน 50 บาทแล้วนะ แพงไปหรือเปล่า?”

คำตอบก็คือ “NAV สูงหรือต่ำ ถูกหรือแพง ไม่ควรมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน”

ขอยกตัวอย่าง กองทุน A ราคา PAR 10 บาทต่อหน่วย เปิดขายกองทุนพร้อมกับ กองทุน B ราคา PAR ที่ 10 บาทเท่ากัน ทั้งสองกองทุนต่างลงทุนในกลุ่มหุ้นในไทย โดยมีนโยบายการลงทุนเหมือนกันทุกประการ ผ่านไป 1 ปี กองทุน A มีราคา NAV อยู่ที่ 12 บาทต่อหน่วย ในขณะที่ NAV ของกองทุน B อยู่ที่ 13 บาทต่อหน่วย หากคิดเป็น % ผลตอบแทน ก็จะเท่ากับ 20% และ 30% ตามลำดับ หรืออีกนัยหนึ่ง นั้นหมายถึง กองทุน B มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ดีกว่า กองทุน A นั้นเอง หากคุณต้องเลือกลงทุนระหว่างกองทุน A กับ กองทุน B โดยใช้ผลการดำเนินงานย้อนหลังมาพิจารณาตัดสินใจ คุณจะเลือกลงทุนในกองทุนไหน? … อ่านเรื่อง NAV สูงต่ำ เลือกกองทุนไหนดี?

cg-ltf-set

รูปที่ 4 : การวิเคราะห์เชิงปริมาณกองทุน CG-LTF เปรียบเทียบ SET Index
แหล่งข้อมูล : Bloomberg ณ วันที่ 6 ธ.ค. 2559

กองทุน CG-LTF มองจากการวิเคราะห์อัตราส่วนการเงินที่สำคัญ จะเห็นว่า เน้นการลงทุนในหุ้นเติบโต (Growth Stock) เนื่องจาก P/E สูงกว่า SET Index และ P/BV ก็สูงกว่า โดยอัตราการจ่ายปันผล ต่ำกว่า SET Index เล็กน้อย แต่มีค่า Beta ต่ำกว่า 1 เท่า แสดงว่า โดยลักษณะของกองทุนแล้ว มีการเคลื่อนไหวหรือแกว่งตัวผันผวนย้อยเมื่อเทียบกับดัชนี และ มี Downside Risk รวมถึงโอกาสขาดทุนหนักในช่วงวิกฤต ที่ติดลบน้อยกว่าดัชนี

จุดนี้ เป็นจุดที่ผมสังเกตเห็นชัดในกลุ่มกองทุน LTF ที่ติดอันดับผลการดำเนินงานดีอันดับต้นๆ คือ ปกป้องเงินต้น และผันผวนน้อยกว่าในยามตลาดกลายเป็นขาลง ซึ่งสำหรับ CG-LTF ก็น่าจะมาจากระบบคัดกรองเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ (Stock Selection)

อัพเดทเพิ่มจากผู้จัดการกองทุน CG-LTF โดยผู้จัดการกองทุนมีมุมมองว่า

  1. Valuation ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ไม่สูงกว่าตลาดในภูมิภาค Asian โดยค่า PER ของไทยในปี 2017 อยู่ที่ 13.8 เท่า
    ในขณะที่ PER ของประเทศเพื่อนบ้าน (Asia ex Japan) อยู่ที่ระดับ 14.9 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2559)
  2. คาดการณ์ผลกำไรโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ประมาณ 10-15% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า
  3. คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนสูงในปี 2017 จากความ เสี่ยงในเรื่องค่าเงินในภูมิภาค และนโยบายของนายทรัมป์ รวมการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประเทศสหรัฐ
  4. ด้วยเหตุผลข้อ 2 ของผู้จัดการกองทุน จะเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเติบโตสูง

ทั้งนี้ข้อมูลอีกอย่างที่บ่งบอกถึงสไตล์การลงทุนของผู้จัดการกองทุนก็คือ Portfolio Turnover Ratio (PTR) ของกองทุนนี้ จากรายงาน Annual Report ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2559 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.224 ซึ่งอัตราส่วน PTR ที่เกิน 1.00 ขึ้นไปนี้ แสดงว่า กองทุนมีการซื้อขาย และปรับพอร์ตตลอดเวลา สำหรับพวกกลยุทธ์ Buy & Hold ค่า PTR มักจะอยู่ที่ 0.30-0.50 ดังนั้น ใครรักสายเทรด มองว่า การถือลืม ถือนาน ไม่เหมาะกับจริตตัวเอง CG-LTF ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

banner-rl

คำเตือน
• การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันผลการดำเนินในอนาคต
• การนำเสนอข้อมูลข้างต้น มิใช่การให้คำแนะนำการลงทุน
• การลงทุนใดๆ ต้องเกิดจากการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจลงทุน บนความเสี่ยงที่รับได้ของนักลงทุนเอง
• ทางผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียในทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ข้อมูลข้างต้น


ชมคลิป CG-LTF จากงาน FINNOMENA RMF LTF Showcase @ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย