จุดนัดพบนํ้ามันดิบติดลบ

ในช่วงที่ผ่านมาเราอาจได้เห็นเราอาจได้เห็นราคานํ้ามันร่วงลงอย่างหนัก จนถึงขั้นติดลบ หรือจะเรียกได้ว่าในวันนี้เป็นวันที่นํ้ามันไม่มีที่ยืนก็คงไม่ผิดนัก 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาราคานํ้ามันดิบ (WTI) ร่วงลงสู่แดนลบที่ -$40 ต่อบาร์เรล ซึ่งราคาที่ติดลบนี้แสดงให้เห็นว่าหากใครกำลังทำธุรกิจนํ้ามันในขณะนี้ คงอยากจะรีบปล่อยๆของใน stock ของตนเองออกไปให้ไว ๆ รีบขายออกให้ได้ราคาที่ดีที่สุดหรือเจ็บน้อยที่สุด

หลังจากนี้ผมจะมาอธิบายว่าอะไรกันที่ทำให้นํ้ามันไปสู่จุดดำดิ่ง ซึ่งผมเชื่อว่ามันเกิดจากตัวละคร 3 เศร้าอย่าง ภาคการผลิต ภาคการบริโภคและโควิด-19

อะไรที่ทำให้นํ้ามันดิบติดลบ?

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะรู้สาเหตุกันอยู่แล้ว แต่ผมจะย้อนความให้สักนิด ผมเชื่อว่าสาเหตุที่ราคานํ้ามันติดลบในขณะนี้ผมเชื่อว่าเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ ที่มีตัวละครอยู่ 3 ตัวก็คือ ภาคการผลิต ภาคการบริโภคและตัวโควิดเอง

1) สงครามราคานํ้ามัน

หลายๆคนอาจจะได้ยินข่าวนี้กันมาบ้างแล้ว แต่ผมขอแปลออกมาให้ทุกคนเข้าใจง่าย ๆ นะครับ สงครามที่ว่ามันคือการที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียตกลงเรื่องราคานํ้ามันกันไม่ได้ โดยเบื้องต้นทางซาอุดิอาระเบียต้องการที่จะลดการผลิตเพื่อรักษาราคาของนํ้ามันไว้ เพราะตนเป็นประเทศที่ส่งออกนํ้ามันเป็นหลัก หลังจากเกิดวิกฤติโควิด-19 [ทำให้ภาคการผลิตหยุดชะงัก (Supply shock) จากการปิดเมืองที่ทำให้ภาคธุรกิจทำงานไม่ได้ดังเดิมและเกิด Demand shock จากการที่ผู้คนกักตัวอยู่บ้านไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย ความต้องการนํ้ามันจึงลดลงอย่างหนัก] แต่รัสเซียกลับปฏิเสธ ทางซาอุดิอาระเบียจึงกดดันรัสเซียที่เป็นประเทศส่งออกนํ้ามันรายใหญ่เช่นกัน ด้วยการผลิตให้มากขึ้นเพื่อกดดันราคานํ้ามัน

เมื่อเป็นดังนี้แล้วผมขอเปรียบเทียบง่าย ๆ ว่ามันอาจจะเหมือนกับการที่เราทะเลาะกับเพื่อนหรือแฟนแล้วไม่หันหน้าคุยกัน โดยในที่นี่เราอาจสมมติว่ากลุ่มเพื่อน ๆ เราอาจจะเป็นนํ้ามัน (Supply) โดยตัวเราอาจจะเป็นภาคธุรกิจ (Demand) และมีโควิดมาทำให้เกิด long distance relationship ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่อาจมาบรรจบพบเจอกันได้

จุดนัดพบนํ้ามันดิบติดลบ

ภาพแสดงการใช้นํ้ามันที่ลดลงในปี 2020 สื่อให้เห็นถึงความต้องการที่ลดลงจากผลกระทบของโควิด-19

ซึ่งปัญหานี้มันก็แย่พออยู่แล้วแต่ดันมีมือที่สามมาทะเลาะกันเองในส่วนของ Supply เข้าไปอีกจากการที่ไม่ได้สิ่งที่ตนต้องการและประชดด้วยการผลิตเพิ่มให้อีกฝั่งเจ็บชํ้าจนต้องยอมตามใจตนเอง ดังนั้นปัญหาที่มันแย่อยู่แล้วจึงแย่กว่าเดิม จากการที่ในส่วนของ Supply (เพื่อนกันเอง) ตกลงกันไม่ได้นั่นเอง

2) โควิดตัวร้าย (มือที่สาม)

จุดนัดพบนํ้ามันดิบติดลบ

ภาพแสดงการใช้นํ้ามันกับปริมาณการผลิตที่ลดลง

ก็อย่างที่ผมเปรียบไว้ข้างต้น โควิดก็เหมือนตัวละครที่ทำให้ภาคธุรกิจและภาคการบริโภคหนีห่างออกจากกัน ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิด Supply shock และ Demand shock นั่นเอง

3) เงินเฟ้อ (เป้าหมายความสัมพันธ์) ที่ลดลง

ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ผู้บริโภคหรือตัวนํ้ามันเองก็ต่างมีเป้าหมายความสัมพันธ์เดียวกันอย่างเงินเฟ้อ เพราะ ธุรกิจเองก็ต้องการเงินเฟ้อนิด ๆ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกว่าตนรวยขึ้นหน่อย ๆ จากการปรับขึ้นเงินเดือน และจึงซื้อของมากขึ้น 

ส่วนตัวนํ้ามันเองก็ต้องการเงินเฟ้อเพื่อเพิ่มคุณค่าในตัวเองเช่นกัน เพราะ หากคนใช้จ่ายมากขึ้นจนสินค้าขึ้นราคาได้ ผู้ผลิตก็ย่อมอยากผลิตมากขึ้น (รู้สึกว่าขายได้) นํ้ามันที่เป็นกำลังหลักในภาคอุตสาหกรรมการผลิตก็จะขึ้นราคาได้ เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้นตามไปด้วย

จุดนัดพบนํ้ามันดิบติดลบ ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร?

หากติดตาม Mr. Serotonin มาสักพัก ถ้าไม่ได้มุมมองแปลก ๆ ในเวลาแย่ ๆ กลับไปก็คงจะไม่ได้ เช่นเคยครับผมเชื่อว่าในวิกฤติราคานํ้ามันครั้งนี้ก็ส่องให้เห็นแสงของโอกาสเช่นเดียวกับวิกฤติอื่นๆ

ผมเชื่อว่าราคานํ้ามันที่ตํ่าขนาดนี้จะส่งผลดีมาก ๆ ต่อภาคการผลิตและธุรกิจในอนาคต หลังจากเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ เพราะ ด้วยราคานํ้ามันที่ตํ่าจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถกลับมาผลิตสินค้าได้ด้วยต้นทุนที่ถูกมาก ๆ รวมถึงธุรกิจการบินที่ใช้นํ้ามันและเชื้อเพลิงกันเป็นว่าเล่นก็คงจะไม่ต้องพูดถึงนะครับ ว่าจะกลับมาแรงแค่ไหน (หากยังยืนอยู่ไหวกันอยู่นะ)

และแน่นอนครับผมเชื่อมั่นว่าเราจะนำเป้าหมายความสัมพันธ์อย่าง “เงินเฟ้อ” กลับมาได้อย่างแน่นอน แต่คำถามที่สำคัญต่อไปก็คือ เศรษฐกิจมันจะร้อนมากเกินไปหรือเปล่า หากดูจากมาตรการการเงินและการคลังในหลาย ๆ ประเทศที่บ้าคลั่งเอามาก ๆ ในช่วงนี้ รวมถึงราคานํ้ามันที่ติดลบ รอโอกาสที่คนกลับมาใช้ ตัวผมเองกังวลว่าปัจจัยหนุนนำเงินเฟ้อตอนนี้มันมากเกินไป แต่ยังไงก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปครับ….

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับบทความในวันนี้หวังว่าจะได้ไอเดียการลงทุนใหม่ ๆ กลับไปกันเช่นเคยนะครับ ผมจะพยายามหาแสงสว่างในวิกฤติต่าง ๆ รวมถึงเครื่องมือการลงทุนและมุมมองใหม่ ๆ มาให้ทุกคนเอง จะได้ดึงตัวเองกลับมากันได้และสู้กันต่อไปครับ (ตอนนี้ข่าวร้ายมันเยอะเกินไปแล้ว)

ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

References

https://www.eia.gov/outlooks/steo/report/global_oil.php