Money Management ที่เทรดเดอร์ และนักลงทุนต้องรู้

เคยรู้สึกว่าตลาดหุ้น “น่ากลัว” มั้ยครับ?

ไม่ว่าจะศึกษาการใช้เทคนิคอลมากแค่ไหน เลือกหุ้นขาขึ้น ทรงแพ้ยากยังไงก็ยังมีโอกาสเจอ False Break หรือ เจอแม้กระทั่งหุ้นฟลอร์

ไม่ว่าจะศึกษาการอ่านงบแม่นแค่ไหน มั่นใจในหุ้นยังไงก็ยังมีโอกาสเจอแบบ BEAUTY KTC ที่บทจะเหวี่ยงก็เหวี่ยงได้ยิ่งกว่าเรือไวกิ้ง

นี่คือที่มาเลยครับ ของการศึกษา MONEY MANAGEMENT หรือการบริหารหน้าตักเราไม่ให้เจ๊งนั่นเอง ขอแบ่งเป็นแบบนี้นะครับ

จะ MONEY MANAGEMENT ได้ ต้องมี MONEY ส่วนเหลือก่อน

ปกติเวลาจะลงทุน เราจะลงทุน “เมื่อมีเงินเหลือ” นะครับ ซึ่งแปลว่าอย่างน้อยที่สุดเราควรมี CASH FLOW ประจำตัวของเราซะก่อน

  • เงินเก็บ เงินออมจากงานประจำ
  • เงินสด ปันผลจากธุรกิจที่ทำอยู่
  • เงินเก็บจากการปล่อยเช่าห้อง คอนโด รถ
  • เงินบำนาญ (ที่ได้ทุกเดือนๆๆ)
  • เงินได้จากการขายพวกทรัพย์สินทางปัญญา

ถ้าอยากจะลงทุนหุ้นให้ “ไม่เครียด ไม่ล้าง ไม่หมดตัว” สิ่งแรกที่เราต้องมีเลยคือ “กระแสเงินสด” ก่อนครับ เพราะถ้าเราขาดทุน เราก็ยังมีแรงที่จะกลับมาฮึดสู้มาลุยต่อได้นั่นเอง

MONEY เราไปต่อยอดยังไงได้บ้าง?

เวลาที่เราบอกว่า “ลงทุนแล้วอยากรวย” ถ้าเราตั้งโจทย์แค่คำว่า “รวย” มันจะพูดง่ายแต่ทำยากมากๆ เลย มันจะลอยๆ ลึกๆ ไม่รู้จะลงทุนอะไรยังไง ใครพูดอะไรมาก็น่าเชื่อถือไปซะหมด

สมการผลตอบแทนของ Ray dalio ด้านล่างนี้นะครับ อธิบายโครงสร้างของผลตอบแทนแบบง่ายๆ ไว้ให้เราแล้ว และมันก็คือ

RETURN = CASH + BETA + ALPHA

อธิบายสั้นๆ แบบเข้าใจง่ายๆ นะครับ มันก็คือถ้าอยากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเราต้องมีผลตอบแทน 3 แบบ

1. CASH

คือ เราต้องมีเงินสดในพอร์ตเป็นเหมือนกองทหารไว้ใช้เข้าไปซื้อพวกหุ้นหรือกองทุนที่ “มีส่วนลด” และน่าลงทุนขึ้นอยู่กับสภาพตลาด

2. BETA

คือ ผลตอบแทนที่มาในรูปของ #กระแสเงินสด ถ้าเป้าหมายของเราคือการเป็น Fulltime Investor / Fulltime Trader จริงๆ ข้อนี้ค่อนข้างมีความสำคัญมาก เพราะเราต้องกินต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน

  • ตราสารหนี้คุณภาพดี ได้ดอกเบี้ยทุกปี
  • หุ้นปันผลที่ทำรายได้ได้สม่ำเสมอ ปันผลหนัก
  • ลงทุนในกองทุนที่มีการจ่ายปันผล
  • ระบบการเทรด เช่น Close System หรือ EA ที่สามารถเทรดสร้างกระแสเงินสดได้
  • เทรดด้วยตัวเองไปเลยย ไม่ว่าจะเป็น Daytrade Swingtrade หรือโมเดลเทรดแบบไหนก็ด้ายยย ที่เราทำกำไรได้สม่ำเสมอ

3. ALPHA

คือ ผลตอบแทนขนาดใหญ่มากกกก เป็นการลงทุนที่ #ขึ้นอยู่กับตลาด เลยครับ ถ้าตลาดเป็นขาขึ้น มีหุ้นดี หุ้นน่าสนใจให้จะเป็นช่องทางในการปั้นพอร์ตที่ยอดเยี่ยมมากๆ

  • Growth Stock หรือหุ้นที่ราคาเบรค 52 Week High (ตามสถิติมักจะวิ่งขึ้นทำไฮใหม่เรื่อยๆ สร้างผลตอบแทนมหาศาลได้ในเวลา 1-2 ปี)
  • Discounted Stock เลือกซื้อหุ้นแบบ ดร. นิเวศน์ หรือสายวีไอของแท้ คือรอตลาดถล่ม แล้วเอาเงินสดที่มีมา “ซื้อของถูก” อันนี้น่ะจะปลอดภัย เจ๊งยาก แล้วสามารถทำผลตอบแทนได้ดีมากเลยด้วย

จะทำอะไรกับ MONEY ในมือเราบ้าง?

ถ้าเราเอาตามหนังสือหุ้นโดยเฉพาะพวกเทคนิคอลบ้านเรานะครับ มันก็จะมีใจความสำคัญแบบง่ายๆ แค่ว่า

  • ลงทุนหุ้นกี่ตัวดี? 5 ตัวมั้ย 10 ตัวดีหรือเปล่า
  • ถ้าเราผิดทางจะยอมขาดทุน กี่ % ของพอร์ต
  • สถิติสำคัญ เช่น Maximum Drawdown , Consecutive Losses (ถ้ามีโอกาสตอนหน้าจะมาอธิบายเพิ่มเติมนะครับ)

จริงๆ แล้ว สิ่งที่น้าคิดว่าสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลยมี 2 อย่างครับ

1. เริ่มจากกำหนดหน้าตักของเราก่อน

อย่าเพิ่งเริ่มที่ว่า “ลงทุนหุ้นกี่ตัว” นะครับ เพราะเทรดเดอร์เปรียบการซื้อหุ้นเป็นดั่งการยิงปืน ให้ลองเปลี่ยนมาคิดว่า “เงินทั้งหมดของเรา แบ่งเป็นกระสุนได้กี่นัด”

เช่น สมมติพอร์ต 300,000 บาท ก็อาจจะแบ่งได้ 10 นัด เท่ากับ นัดละ 30,000 บาท ดังนี้

  • เน้นหุ้นที่เซฟๆ ก่อน เช่น อาจจะหาหุ้นที่ทำ BREAK 52 Week High “ในตลาดขาขึ้น” แบ่งมาเทรดกลุ่มนี้สัก 4 นัด ตามกลยุทธ์ของเรา เช่น หลุด MA เราก็อาจจะพิจารณาแบ่งออก
  • เน้นหุ้นเดย์เทรด 2 นัด เอาไปเล่นเลยเต็มที่ แต่ถ้าหมดต้องเลิก! จนกว่าจะมีกระแสเงินสดมาเติมก้อนนี้
  • เก็บสำรองไว้อีก 4 นัดเผื่อตลาดลงหนักๆ หุ้นพื้นฐานดีราคาถูกมาก็ควรอัดตอนนั้นมากกว่า จังหวะดีแก่ “การลงทุน”

แต่ละนัดเราก็ฝึกทักษะด้านนั้นไปเรื่อยๆ ฝึกเดย์เทรด ฝึกเทคนิคอล ฝึกสวิงเทรด ฝึกคัดเลือกหุ้นด้วยพื้นฐาน ฝึก ฝึก ฝึกไปก่อนนนนน กว่าบัฟเฟตต์จะรวยขนาดนี้เริ่มต้นจากเงินเท่าไหร่ แล้วใช้เวลากี่ปี ไม่ต้องรีบร้อนครับ ค่อยๆ ฝึกฝนไปเรื่อยๆ

2. จะบริหารกระสุนเรายังไงบ้าง?

กลับมาที่ตัวอย่างนะครับ พอร์ตมูลค่า 300,000 บาท มีกระสุน 10 นัด ถ้าเราสามารถเทรดสะสมกำไรเรื่อยๆ ได้ 330,000 บาท เราจะทำยังไงต่อ?

  • ยิง 10 นัดเท่าเดิม เพิ่มขนาดกระสุนเป็นนัดละ 33,000 บาท
  • เพิ่มกระสุนเป็น 11 นัด นัดละ 30,000 เท่าเดิม

ตรงนี้จะเป็นเรื่องของนโยบายตามที่เราๆ ท่านๆ ชอบแล้ว สำหรับน้านะ น้าชอบแนวความคิดที่ 2 มากกว่า

เพราะน้าจะเอากระสุนนัดที่ 11 นี่แหละ ไปลงทุนในอะไรที่มันเสี่ยงได้มากขึ้น เช่น DW / S50 Futures / กองทุนความเสี่ยงสูง โดยที่เงินต้นของน้าไม่หายไปไหน โอ้โหววว แบบนี้จะเจ๊งได้ยังไง

::: สรุป :::

ทั้งหมดนี่เองครับคือ “ใจความสำคัญของการเทรดให้รอดก่อน”

  • มีกระแสเงินสดจากไหน
  • หวังผลตอบแทนเป็นอย่างไร
  • จะจัดการเงินของเราเองยังไงบ้าง

วิธีนี้ไม่ใช่วิธีการันตีว่าเราจะรวย รวย รวยยยย แต่ที่แน่ๆ คือ เรารอด และอยู่นานพอที่จะสามารถบรรลุความรู้อะไรบางอย่างของเราได้ครับ เนื้อหาทั้งหมดนี้น้าก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ จากทาง MudleyGroup นะครับ สนใจลองไปเสิร์ชหาเพิ่มเติมใน Youtube ได้นะครับ

บทความนี้อาจจะอ่านยากนิดนึง แต่ถ้าอ่านจบและคิดตาม เราจะได้อะไรไปบ้างไม่มากก็น้อยแน่นอนนนนน

#น้าเช #Finnomena