ย้อนกลับ
ซื้อ
Mr.Messenger
หุ้นอินเดีย
8 ธ.ค. 68
สรุปความเห็น

อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 68

ยังคงเป็นโอกาส "เก็บสะสม" หุ้นอินเดีย ตลาดที่ราคาหุ้น Laggard เมื่อเทียบกับภาพรวม Emerging Markets แต่ปัจจัยหนุนทางเศรษฐกิจยังแกร่ง หลังประกาศ GDP สูงกว่าที่คาด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Mr.Messenger Call แนะนำสะสมหุ้นอินเดีย ผ่านกองทุน B-BHARATA และ TISCOINA-A ด้วยสัญญาณทางเทคนิคเชิงบวก รวมทั้งความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่ช่วยผลักดันตลาดหุ้นอินเดียในระยะยาว


ตลาดหุ้นอินเดียเผชิญแรงกดดันระยะสั้นจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งกระทบต่อภาคส่งออกและสร้างแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ แต่ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง สัดส่วนการส่งออกสินค้าจากอินเดียไปสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับ GDP ของอินเดียไม่สูง


แต่การเติบโตของ GDP สูง และมาตรการปฏิรูประบบภาษีที่หนุนการบริโภคภายในประเทศ จึงช่วยเป็นกันชนต่อแรงกดดันดังกล่าว ขณะเดียวกันธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.50% หลังจากลดลงก่อนหน้านี้ พร้อมส่งสัญญาณท่าทีเป็นกลาง และอาจพิจารณาปรับลดเพิ่มเติมหากเศรษฐกิจอ่อนแรงลงต่อไป


กราฟสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐเทียบกับมูลค่า GDP ของประเทศ EM

finnomena-opportunity-hub


กราฟ Earnings trend และ Valuation

finnomena-opportunity-hub

Source: Finnomena Funds, Bloomberg, data as of 04/09/2025


ประมาณการกำไรของตลาดหุ้นถูกปรับลดลงในช่วงทีผ่านมาหลัก ๆ มาจากงบกลุ่ม Consumer ต่ำคาดจากการบริโภคในประเทศที่เติบโตชะลอลง แต่ล่าสุดการปรับประมาณการกำไรเริ่มมีสเถียรภาพแล้ว


นอกจากนี้ ภาครัฐบาลยังออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติม โดยที่ประชุม Goods and Services Tax (GST) Council เห็นชอบให้ลด Goods and Services Tax เหลือเพียง 2 อัตรา คือ 5% และ 18% โดยลดจาก 4 อัตราดังนี้ 5%, 12%, 18%, 28% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 22 กันยายน 2025 โดยทุกมลรัฐเห็นพ้องร่วมกัน สินค้าที่อยู่ในอัตรา 28% ลดลงเหลือ 18% และสินค้าที่อยู่ในอัตรา 12% จะลดลงเหลือ 5% การปรับลดภาษีครั้งนี้อาจทำให้รัฐสูญเสียรายได้รวม 477 พันล้านรูปี (5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่จะช่วยลดต้นทุนการผลิต กระตุ้นการบริโภค และสร้างแรงบวกต่อเศรษฐกิจ โดย IDFC FIRST Bank ประเมินว่า Nominal GDP ของอินเดียจะเพิ่มขึ้นราว 0.6%ในช่วงเวลา 12 เดือนข้างหน้า


60-day rolling correlation (INDY ETF, MCHI ETF)

finnomena-opportunity-hub

Source: TradingView, data as of 04/09/2025


ตลาดหุ้นอินเดียมีความสัมพันธ์ตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นจีน โดยช่วงที่ผ่านเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลออกจากอินเดียเข้าสู่ตลาดหุ้นจีน สะท้อนการ Rotation ของเม็ดเงินลงทุนของทั้ง 2 ประเทศ แต่ล่าสุดตลาดหุ้นจีนเริ่มลดความร้อนแรงลง ซึ่งอาจช่วยให้แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นอินเดียลดลง โดยค่า Correlation 60 วัน ระหว่าง INDY ETF และ MCHI ETF ล่าสุดอยู่ที่ -0.7


กราฟราคา INDY ETF

finnomena-opportunity-hub

Source: TradingView as of 04/09/2025


ราคา INDY ETF (ซึ่งลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของอินเดีย 50 บริษัทชั้นนำตามดัชนี Nifty 50 Index) ได้ปรับตัวลดลงทดสอบระดับ 38.2 ของ Fibonacci retracement ซึ่งเป็นระดับแนวรับสำคัญและสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ ถือว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกของแนวโน้มตลาดหุ้นอินเดียในระยะสั้นถึงกลาง


ด้วยสัญญาณทางเทคนิคเชิงบวก ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ จะช่วยหนุนต่อแนวโน้มภาพรวมของตลาดหุ้นอินเดีย Mr.Messenger จึงยังคงแนะนำสะสมในหุ้นอินเดียผ่านกองทุน B-BHARATA และ TISCOINA-A




รายละเอียดกองทุนที่แนะนำ


B-BHARATA


กองทุนรวมหุ้นอินเดีย ที่ลงทุนผ่านกองทุน RAMS Investment Unit Trust - India Equities Portfolio Fund II ซึ่งเน้นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย


ปัจจุบันกองทุน B-BHARATA มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 52.87% ของเงินลงทุน


B-BHARATA Top Holding

finnomena-opportunity-hub

Source: Fund Fact Sheet ของกองทุนหลักก B-BHARATA as of 31/07/2025


TISCOINA-A


กองทุน TISCOINA-A ลงทุนในหุ้นอินเดียผ่าน 3 กองทุนหลักคือ

  1. Nomura Funds Ireland plc India Equity Fund ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up พิจารณาจากพื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก ประมาณ 25-30 ตัว จาก Universe ประมาณ 240 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่
  2. FSSA Indian Subcontinent Fund ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up คัดเลือกหุ้นที่ประกอบธุรกิจในอินเดีย, ศรีลังกา, ปากีสถาน และบังคลาเทศ โดยเน้นลงทุนประมาณ 50 ตัว กระจายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
  3. Goldman Sachs India Equity Portfolio ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up เลือกหุ้นประมาณ 70-100 ตัว จาก Universe ประมาณ 700 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก


ปัจจุบันกองทุน TISCOINA-A ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน


TISCOINA-A Top Holding

finnomena-opportunity-hub

Source: Fund Fact Sheet ของกองทุน TISCOINA-A as of 31/07/2025


ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ


จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)




คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299