China New Economy

ใครที่ติดตามเรื่องราวของประเทศจีน น่าจะพอทราบว่าในช่วง 2 ปีหลังสุด (2021-2022) เศรษฐกิจจีนเจอมรสุมเข้ามากดดันต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่รัฐบาลใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดในหลายธุรกิจ เช่น ธุรกิจกวดวิชา, ธุรกิจเกม, อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ตลอดจนการดำเนินนโยบาย Zero Covid อย่างเข้มข้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงลึกและนานพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าปี 2023 นี้ ตลาดหุ้นจีนกำลังเปลี่ยนทิศ พลิกเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมีสัญญาณทางปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ 

  • China Reopen หรือ การเปิดเมืองของจีน ซึ่งจะตามมาด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และผ่อนคลายนโยบายควบคุมต่าง ๆ
  • การขยายตัวของดัชนี PMI (Purchasing Manager Index) ทั้งภาคการผลิตและบริการ
  • ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อธุรกิจจีนที่พุ่งแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มเห็นแนวโน้มผ่อนคลายดีขึ้น หลังรัฐบาลจีนเข้ามาช่วยปรับโครงสร้างหนี้
  • การประกาศเป้าหมาย GDP ปี 2023 โตกว่า 5% ในพิธีการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) สอดคล้องกับมุมมองนักวิเคราะห์จาก UBS ที่ปรับเพิ่มประมาณการ GDP จีน เติบโต 5.4% จากเดิมอยู่ที่ 4.9%

อีกจุดที่หนุนให้ตลาดหุ้นจีนมีเสน่ห์ นั่นคือแม้ทิศทางการเติบโตสูง แต่ Valuation ยังถือว่าดูดีกว่าหลายตลาดทั่วโลก

China New Economy

ภาพแสดงคาดการณ์ค่าเฉลี่ย EPS Growth ปี 2023-2024 เทียบกับ Forward P/E ใน 12 เดือนข้างหน้า | ที่มา: FINNOMENA, Bloomberg ณ วันที่ 1 มีนาคม 2023

New Economy โอกาสเติบโตครั้งใหม่ของจีน

คำถามคือเมื่อเราเห็นโอกาสในจีนขนาดนี้ แล้วหุ้นกลุ่มไหนล่ะที่จะเป็นหมุดหมายของการเติบโตรอบใหม่ ซึ่งต้องบอกว่าสิ่งที่จีนได้เปรียบประเทศ Emerging Market อื่น ๆ ก็คือการวางแผนเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง  

จากที่เคยเป็นฐานการผลิตเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันจีนได้พัฒนากลายมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว พร้อมขึ้นมาเขย่ามหาอำนาจของโลกทางเทคโนโลยีอย่างสหรัฐอเมริกาได้แบบสนุก 

ประกอบกับการที่รัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายการจัดระเบียบหุ้นเทคโนโลยี และหันมาค่อย ๆ ประคับประคอง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกับการเปิดประเทศ

ดังนั้น การล็อกเป้าไปที่ “หุ้นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy)” ในบริษัทที่ขับเคลื่อนสินค้าและบริการด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่ จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่า และควรคว้าโอกาสนี้เอาไว้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตเหนือกว่าคู่แข่งอย่างยั่งยืน รวมถึงยังสามารถพัฒนาได้แบบไร้ขีดจำกัด

5 หุ้นจีน New Economy อนาคตไกล

หัวใจของบทความนี้จึงอยากจะพาไปทำความรู้จักกับหุ้นในกลุ่ม New Economy ชั้นนำของจีน ที่สอดรับไปกับการเติบโตแห่งอนาคต ลองมาดูกันว่ามีธุรกิจอะไรบ้าง และจุดเด่นของแต่ละบริษัทอยู่ตรงไหน 

  1. Tencent 

บริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามากที่สุดในจีน ด้วยมูลค่า Market Cap. ถึง 429.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ มีนาคม 2023) โดยเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันมากมายที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์และความบันเทิงของผู้คนในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น WeChat, WeTv, JOOX, Shopee และ QQ รวมไปถึงเป็นผู้พัฒนาเกม RoV, PUBG และ Clash of Clan

ความน่าสนใจของ Tencent คือการมีเครือข่ายแอปพลิเคชันจำนวนมาก แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของคนจีนอย่างแยกกันไม่ออก ทั้งโซเชียลมีเดีย ความบันเทิง สั่งอาหาร ซื้อสินค้าออนไลน์ จองตั๋ว ติดตามข่าวสาร เล่นเกม เป็นต้น แถมยังขยายบริการดังกล่าวไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยด้วย

  1. Alibaba

ยักษ์ใหญ่ E-commerce แห่งเมืองจีนที่ประสบความสำเร็จสุดขีด ไม่ว่าจะเป็นตลาดจีนอย่าง Taobao แพลตฟอร์มค้าปลีกแบบ C2C และ Tmall แพลตฟอร์มค้าปลีกแบบ B2C ตลอดจนตลาดต่างประเทศ เช่น Alibaba.com, Aliexpress และ Lazada 

นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมต่อระบบนิเวศไปสู่กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ประกอบด้วย ธุรกิจคลาวด์ (Alibaba Cloud), นวัตกรรมทางการเงิน (Ant Financial), การขนส่งและโลจิสติกส์ (Cainiao Network), แพลต์ฟอร์มการตลาดออนไลน์ (Alimama) ตลอดจนแพลตฟอร์มด้านความบันเทิง (YouKu)

  1. Meituan 

แอปพลิเคชัน Food Delivery ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของชาวจีนที่ครองส่วนแบ่งตลาดในจีนกว่า 60% อีกทั้งยังครอบคุลมไปถึงบริการการเดินทาง, รีวิวร้านอาหาร, แชร์ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์, บริการจองโรงแรมที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และผู้ใช้งานสามารถชำระเงินค่าบริการผ่านแอปพลิเคชันได้เลย ทำให้ Meituan โดดเด่นด้วยความเป็น Super App ที่ครบจบในที่เดียว

  1. JD.com

หนึ่งในบริษัท E-commerce ชั้นนำ เจ้าของฉายา Amazon แห่งจีน ด้วยโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นในการจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว จากการลงทุนกับระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะของตัวเอง ขณะเดียวกันยังเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้า และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

  1. Pinduoduo 

แพลตฟอร์ม E-commerce สำหรับกลุ่มผู้ค้าปลีกรายย่อยที่ต้องการซื้อสินค้าจำนวนมากในราคาย่อมเยา ซึ่ง Pinduoduo ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการใช้กลยุทธ์ Group Buying โดยการกำหนดราคาสินค้าให้ถูกลง แล้วให้ผู้คนรวบรวมคนที่ต้องการซื้อสินค้าตัวเดียวกันผ่านสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และกดซื้อพร้อมกันทีเดียว เพื่อที่จะได้สินค้าในราคาที่ถูกลงนั่นเอง ส่วนบริษัทก็ได้ขายของในปริมาณที่มากขึ้นเช่นกัน

สรุปแล้วจะเห็นว่าหุ้นทั้งหมดนี้ ล้วนแต่พยายามพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างฐานลูกค้าและรองรับการมาของระบบเศรษฐกิจใหม่ แม้จะมีช่วงที่หยุดชะงักไปบ้างจากนโยบาย Zero COVID และการควบคุมบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน แต่เมื่อทุกอย่างส่งสัญญาณผ่อนคลายแบบนี้ เชื่อว่าในระยะยาวหุ้นกลุ่มนี้่จะสร้างโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

China New Economy

MEVT Call : K-CHINA-A(A)

ถ้าอยากลงทุนเพื่อเติบใหญ่ไปกับหุ้นจีน New Economy ทาง FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำเข้าลงทุนตาม MEVT Call ไปกับกองทุน K-CHINA-A(A) สอดรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในกรอบระยะเวลา 6-12 เดือน

Macro – ปัจจัยเชิงมหภาค เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการเปิดประเทศ ปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คลี่คลายลง หลังจากรัฐบาลจีนเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่อง และการคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากนี้

Earnings – ปัจจัยด้านกำไร เริ่มเห็นสัญญาณการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น หลังการเปิดประเทศหนุนการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ และตลาดยังไม่รับรู้ข่าวดีทั้งหมด เช่น การผ่อนคลายนโยบายกับกลุ่มเทคโนโลยี

Valuation – ปัจจัยด้านมูลค่า อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับตัวเองในอดีตและหุ้นโลก แต่มีแนวโน้มถูกปรับ multiple เพิ่มขึ้นหากมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้

Technical – ปัจจัยเชิงเทคนิค นักลงทุนต่างชาติสะสมหุ้นจีนต่อเนื่องตั้งแต่มีแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบาย Zero COVID พร้อมปัจจัยทาง technical analysis ที่มีแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของดัชนี

เปิดบัญชีวันนี้ รับกองทุน K-CHINA-A(A) ฟรี ! 100 บาท 👉 รับคูปอง คลิก >>> https://finno.me/mevt-oa-pro

หุ้นจีนลงทุนได้หรือยัง อ่านมุมมองการลงทุนเพิ่มเติมที่
 MEVT Call : รักใครให้ซื้อจีน 

สำหรับ K-CHINA-A(A) เป็นกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ เน้นลงทุนในบริษัทจีนที่จดทะเบียนในทุกตลาด (All China) ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – China Fund ด้วยกลยุทธ์ลงทุนแบบ bottom-up stock คัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตเหนือกว่าคู่แข่งอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม New Economy ที่ได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน

ดูข้อมูลกองทุน K-CHINA-A(A) เพิ่มเติม และซื้อกองทุน 

China New Economy

ภาพแสดงสัดส่วนพอร์ตการลงทุน JPMorgan Funds – China Fund | ที่มา: JPMorgan Fund Fact Sheet ณ วันที่ 31 มกราคม 2023

คัดเลือกกองทุนอย่างเมพ ด้วยจังหวะขั้นเทพกับ “MEVT Call”
👉 ลงทุนใน MEVT Call คลิก >>> https://finno.me/mevt-web


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT

References

FINNOMENA Weekly Market Insight

J.P. Morgan Asset Management

Bloomberg | China Shakes Up Government, Lashes Out at US: NPC Update

Bloomberg | China Sees ‘Rapid’ Consumer Rebound as UBS Lifts GDP Outlook

Bloomberg | The World’s Greatest Delivery Empire

Companiesmarketcap

Tencent

Alibaba

Meituan 

JD.com

Pinduoduo