ทำความรู้จัก Dior เพื่อนร่วมทางของ Johnny Depp

หลายๆคนคงรู้จักแบรนด์ Dior ในภาพลักษณ์ที่เป็นแบรนด์แฟชั่นและความสวยความงามที่มีอายุและชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม Dior กลายเป็นที่พูดถึงมากขึ้นกว่าเดิม จากกรณีที่ยังคงให้ Johnny Depp เป็นพรีเซนต์เตอร์ต่อไป แม้จะมีประเด็นคดีความระหว่างเขา และ Amber Heard ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของเขา  

Dior กับ Johnny Depp มีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน เขารั้งตำแหน่ง The Face of Sauvage น้ำหอมสำหรับผู้ชายที่ขายดีที่สุดของ Dior มาตั้งแต่ปี 2015 และยังคงดำรงตำแหน่งอยู่จนทุกวันนี้ นอกจากนี้เขายังได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับเป็นจำนวนมาก ในขณะที่อยู่ในขั้นตอนการไต่สวน รายงานของเว็บไซต์ Metro พบว่า ในระหว่างการพิจารณาคดี ความต้องการน้ำหอม ‘Dior Sauvage’ ซึ่ง Depp เป็นพรีเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นเกือบ 50%

เรื่องราวดังกล่าวสิ้นสุดลงเมื่อศาลตัดสินให้ Johnny Depp ชนะคดี เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้คนมีความเห็นแก่ Dior มากมายทั้งในแง่บวกและตรงกันข้าม  วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Dior กันให้มากขึ้น

ทำความรู้จัก Dior เพื่อนร่วมทางของ Johnny Depp

Dior ทำอะไร? น่าดึงดูดไหม?

Dior คือแบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จำหน่ายผลิตภัณฑ์กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์และนํ้าหอมเป็นหลัก ก่อตั้งในปี 1946 โดย Christian Dior  ปัจจุบัน Dior เป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้อาณาจักรของ LVMH และมีร้านค้าตั้งอยู่ 5,556 แห่งทั่วโลก ในปี 2021

จุดเด่นของ Dior คือเป็นแบรนด์ที่มีความคลาสสิก สินค้าหรูหรา มีคุณภาพแต่ก็ทำให้รู้สึกว่ายังเข้าถึงได้ง่าย ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่ามีแบรนด์สินค้าหรูหราเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แล้วทำไม Dior ถึงเป็นที่นิยมและเป็นที่รักของทุกคนอยู่เสมอ?

เหตุผลที่จะตอบคำถามนี้ ขอแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ ดังนี้

1.) Dior’s beginning story: Christian Dior ก่อตั้งแบรนด์ของเขาโดยมีชื่อเดียวกับชื่อของเขาเพื่อเยียวยาผู้หญิงจากความน่ากลัวของสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการสร้างเสื้อผ้าหรูหราแบบที่ไม่เคยมีใครสร้างมาก่อน แม้ Christian จะเป็นคนที่ยากจน ไม่ได้เป็นนักดีไซน์เนอร์ และเพิ่งก่อตั้งแบรนด์ตอนอายุ 41 แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความฝันและยอมแพ้ จนในที่สุดเมื่อเขาได้ปล่อยคอลเล็กชั่นแรก “New look” ซึ่งทำให้วงการแฟชั่นพัฒนาไปอีกขั้น เขาก็ประสบความสำเร็จและทำให้ Dior เป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้คนจนถึงวันนี้

2.) Dior’s luxurious craftmanship : คอลเล็กชันของ Dior แต่ละชิ้นทำให้เกิดความน่าดึงดูดผ่านการปักที่ประณีตและลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ การสร้างเสื้อผ้าประกอบด้วยงานฝีมือที่มีเพียงช่างฝีมือชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถทำได้และมีการใช้ผ้าคุณภาพสูงจากทั่วโลก Dior ได้รับเชิญจากราชวงศ์อังกฤษให้จัดแสดงคอลเล็กชันส่วนตัวในฐานะแบรนด์แฟชั่นโอตกูตูร์สำหรับผู้มีชื่อเสียงทั่วโลก เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ควีนอลิซาเบธที่ 2 มเหสีของชาห์แห่งเปอร์เซีย เจ้าหญิงราเนีย และเจ้าหญิงไดอาน่า ล้วนลูกค้าราชวงค์ของ Dior นี่แสดงให้เห็นถึงความน่าประทับใจในผลิตภัณฑ์ที่แม้แต่ราชวงศ์ยังให้ความเชื่อใจ

3.) Face of Dior : Dior ใช้โฆษณาในหลายช่องทาง นิตยสารแฟชั่น เช่น Vogue หรือ Marie-Claire โฆษณาทางทีวีหรืออินเตอร์เน็ต และการแสดงแฟชั่นโชว์ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไมได้สำหรับแบรนด์หรูอย่าง Dior โดยโฆษณานั้นดูสง่างามและซับซ้อนอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ Dior แตกต่างไปจากแบรนด์อื่นคือ การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาให้เหมือนเป็นหน้าตาของ Dior กล่าวคือเป็นพรีเซนเตอร์ของผลิตภัณฑ์ของ Dior บุคคลเหล่านี้ล้วนแสดงบุคลิกที่มีเสน่ห์สำหรับผลิตภัณฑ์นั้นๆ เช่น Victoire Doutreleau, Yves Saint Laurent, Josephine Baker, Natalie Portman, Jenifer Lawrence และ Johnny Depp เป็นต้น

4.) World of Dior: แม้ว่าเริ่มต้น Dior จะเป็นแบรนด์สำหรับผู้หญิงเท่านั้น แต่ต่อมา Dior ได้ขยายจากแฟชั่นชั้นสูงของผู้หญิงให้ครอบคลุมทุกรสนิยมที่หรูหรา ไม่ว่าจะเป็น Dior Homme คอลเล็กชันสำหรับผู้ชายที่มีสไตล์ Baby Dior แฟชั่นสำหรับเด็ก เครื่องสำอางและสกินแคร์ของ DiorSkin J’dore Dior และน้ำหอมอื่น ๆ อีกมากมายที่มีจำหน่าย และแน่นอน กระเป๋า Lady Dior ที่มีชื่อเสียงและรองเท้าที่สวยงาม เป็นต้น นี่ทำให้เห็นว่า Dior ไม่เคยหยุดอยู่กับที่และพร้อมขยายผลิตภัณฑ์ของตัวเองต่อไป โดยยังคงความหรูหราอยู่เสมอ

Dior ในวันนี้

ปัจจุบันเราอยู่ในช่วงวิกฤติโควิด-19 โดยDior ได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์หรูที่ล้ำสมัยที่สุดในตลาดดิจิทัล CEO ของ Dior Pietro Beccari ได้อธิบายถึงลำดับความสำคัญของบริษัท เช่นการสำรวจช่องทางใหม่ๆ ในประเทศจีน และความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง เป็นเป้าหมายหลักในปัจจุบันของ Dior

กลยุทธ์การตลาดดิจิตัลของ Dior คือเน้นสิ่งที่เรียกว่า “Dior Dream” ซึ่งเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมและนวัตกรรม หัวใจสำคัญของสิ่งนี้คือการแสดงบนรันเวย์ที่ส่งผลกระทบสูง ซึ่งก็คือสตรีมข้ามแพลตฟอร์มทั้งเก่าและใหม่ ตั้งแต่ WeChat TikTok YouTube ไปจนถึง Bilibili มีการไลฟ์สตรีมมิ่งงานต่างๆ เช่น งานSS22 ที่ร่วมงานกับ Travis Scott ในปารีส, การแสดง Cruise 2022 บนความจุ 400 ที่นั่งในสนามกีฬา Panathenaic ที่เอเธนส์และการแสดง Paris couture โดยมีฉากหลังเป็นพรมยาว 350 เมตร กลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลดีอย่างมาก โดยเฉพาะในจีนที่มีการถ่ายทอดสดแฟชั่นโชว์ 7 ครั้งและมียอดรับชมรวมถึง 579 ล้านคน 

ซึ่งจริงๆแล้ว Dior ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดจีนอยู่แล้ว โดย Dior ถือเป็นแบรนด์หรูหราที่มีคนจีนรับชมมากที่สุดและเป็นแบรนด์แรกที่ถ่ายทอดสดในแอพ Bilibili เมื่อเดือน ก.ค ปี2020 Dior ให้ความสำคัญกับตลาดสตรีมมิ่งอย่างมาก จากข้อมูลของ Vogue Business Index ยอดการเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นสูงสุดร้อยละ 193 เทียบกับค่าเฉลี่ยของดัชนีที่ร้อยละ 50 กลยุทธ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จกับ Dior เป็นอย่างมาก โดยสัดส่วนรายได้เมื่อแบ่งเป็นภูมิภาค ในภูมิภาคเอเชีย(ยกเว้น ญี่ปุ่น) มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากในปี 2019 ที่ 30% เป็น 35% ในปี 2021 นี่แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวตามยุคสมัย แต่ผลิตภัณฑ์ยังคงมีความ Classic อยู่เสมอ 

ปัจจุบันจึงเห็นได้ว่า Dior ก้าวเข้าสูโลกดิจิตัลอย่างเต็มตัว นอกจากนี้ Dior ยังมองเห็นถึงโอกาสของเทคโนโลยีเสมือนจริง เช่น AR หรือ NFT เป็นต้น เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป แบรนด์ต่าง ๆ ก็ต้องเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจใหม่ เช่นเดียวกับ Dior

ตัวเลขทางการเงินที่บ่งบอกว่ามีการเติบโตที่ดี 

เรามาลองดูผลประกอบการย้อนหลังของ Dior 

(หน่วย:ล้านยูโร)

ปี 2019 รายได้: 53,670  กำไร: 11,492 

ปี 2020 รายได้: 44,651  กำไร: 8,300 

ปี 2021 รายได้: 64,215  กำไร: 17,139

ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ Dior เป็นอย่างดี แต่นอกจาก Dior แล้วคู่แข่งอย่าง Channel หรือ Gucci ต่างก็ฟื้นตัวเช่นกัน โดยตลาดสินค้าหรูหรามีการเติบโตจากปี 2020 ถึง 14% โดยมีมูลค่าทางตลาดถึง 1,140 ล้านล้านยูโร นักวิเคราะห์เชื่อว่านอกจากการฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 แล้ว การเติบโตของตลาดสินค้าหรูหรามาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปซื้อขายออนไลน์มากขึ้นและการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรวัย Gen-Z และ Millionaire ที่มีรสนิยมในการบริโภคสินค้าหรูหรา นี่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ Dior มีอนาคตที่สดใส หากพิจารณาเฉพาะปัจจัยอุปสงค์ 

ฉะนั้น Dior จึงเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ มีประวัติมาอย่างยาวนานซึ่งแสดงถึงความมั่นคงของบริษัท และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และถ้าหากใครสนใจลงทุนใน Dior เราขอแนะนำกองทุน T-PREMIUM-BRAND (กองทุนเปิดธนชาตพรีเมียมแบรนดส์ฟันด์) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นบริษัทผลิตภัณฑ์หรูหราในทั้งโลก ซึ่งรวมไปถึงประเทศกำลังพัฒนาและจีนแผ่นดินใหญ่ โดยกองทุนดังกล่าวได้ถือหุ้น LVMH ซึ่งถือเป็นบริษัทที่เป็นเครือญาติกับ Dior อยู่ 3.98% หากใครสนใจควรศึกษาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

ที่มา

2021-Christian Dior-Annual-report

Dior CEO Pietro Beccari on taking digital risks | Vogue Business

https://ww.fashionnetwork.com/news/christian-dior-launches-its-biggest-boutique-ever-in-taiwan,243833.html

https://www.harpersbazaar.com/uk/beauty/g22615130/dior-beauty-best-selling-products/

https://brandstrategymanagement.wordpress.com/category/brand-strategy-2/dior-brand-strategy/

https://blog.theluxurycloset.com/2014/02/27/clothes-christian-dior/

https://thestandard.co/johnny-depp-dior-sauvage-sales-grew-50-percents/