บทเรียนจาก JAS และหุ้นอันตรายตัวต่อไปคืออะไร

Art of Strategy 24 ก.ค.62

– ลงแรงเอาเรื่องกันเลยทีเดียวกับหุ้น JAS

JAS เป็นหุ้นที่ Art of Strategy เขียนถึงมาตั้งแต่ต้นปี ตั้งแต่ 5 บาท และให้เป็น Top Pick มาตลอด และถ้าใครติดตามกันจะรู้ว่า เรารอคอยกันที่ 7 บาท และพอมันมาถึง ด้วยกำไรบวกปันผลที่มีมากกว่า 50% กำให้ยังสามารถถือ Let Profit Run กันมาเรื่อยๆ และพอราคามาถึง 7.7-8.0 บาท นักลงทุนที่ตามฟังผมผ่านรายการต่างๆ จะเริ่มได้ยินผมพูดว่า มันมาไกลกว่าที่จะฝันถึงแล้ว และต้องระวังกระแสข่าวที่เข้ามาในช่วงปลาย ดังนั้นถ้ามีกำไร ซึ่งก็ควรต้องมีกัน ควรจะต้องทำอย่างไร ก็คงไม่ต้องมากำกับกัน

– สำหรับเบื้องลึกเบื้องหลังของ JAS คงไม่ต้องพูดถึงกันให้มากความ ที่จะมาคุยกันในวันนี้คือเรื่อง วงเงิน Block Trade จากรูปที่แนบมา (รูปที่ 1) จะพบว่า ก่อน JAS จะทิ้งดิ่งลงมาวงเงินมันพุ่งขึ้นไปถึง 2.4 พันล้านบาท เป็นวงเงินที่มากเป็นอันดับ 3 ของ single stocks ทั้งหมด (รูปที่ 2) วงเงินรวม ณ 22 ก.ค.62 อยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท)

บทเรียนจาก JAS และหุ้นอันตรายตัวต่อไปคืออะไร บทเรียนจาก JAS และหุ้นอันตรายตัวต่อไปคืออะไร

– ถ้าดูจากรูปก็ไม่ต้องเสียเวลาให้วินิจฉัยนาน นี่คือเกมลากราคาโดยใช้ Block Trade ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว นักลงทุนสามารถที่จะเห็นถึงสัญญาณมรณะได้ตั้งแต่ที่วงเงินพุ่งขึ้นจากระดับ 1 พันล้านบาทเมื่อ ณ 3 มิ.ย.62 และวิ่งมาถึง 2.6 พันล้านบาทเมื่อ 19 ก.ค.62 จนทำระดับวงเงิน Block Trade ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ตอน ก.พ.61 ซึ่งตอนนั้นราคาหุ้นก็ไปไกลถึง 9 บาท (รูปที่ 3)

บทเรียนจาก JAS และหุ้นอันตรายตัวต่อไปคืออะไร

– ผู้ชนะในเกมนี้ ถ้าดูจากรูปก็จะรู้ว่าได้กำไรไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาทแน่นอน

– กรณีของ JAS ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ทำให้เราจะได้มาระมัดระวังหุ้นอื่นๆ ที่กำลังมีวงเงิน Block Trade ขึ้น peak ซึ่งถ้าไปดูรูปที่ 4 ผมจะขอเปรียบกับเมื่อวันที่ 2 ก.พ.61 ซึ่งเป็นวันที่ทั้งระบบมีวงเงิน Block Trade รวมถึง 5.2 หมื่นล้านบาท หากหุ้นตัวไหนมีวงเงินสูงกว่าวันนั้น พร้อมๆกับที่ราคาถูกไล่ขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องที่ต้องระวังให้มาก ซึ่งหุ้นต่างๆ เหล่านั้นคือ MINT VGI BTS TCAP CPF PLANB BEM PTG AOT BEC GUNKUL CPALL

บทเรียนจาก JAS และหุ้นอันตรายตัวต่อไปคืออะไร

เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนและไม่เกี่ยวข้องกับต้นสังกัดของผู้เขียน

ประกิต สิริวัฒนเกตุ

ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/prakitsiriwattanaket/posts/2502436749985589