SET Index น่ารับที่จุดไหน

ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/2565 รวมแล้วเป็นกำไรสุทธิสูงถึง 3.50 แสนล้านบาท เติบโต +24% QoQ และ +26% YoY ถือเป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นไทย

แม้ว่ากำไรในงวดไตรมาส 2 จะได้กำไรของกลุ่มพลังงานเป็นตัวหนุนสำคัญกว่า 1.42 แสนล้านบาท แต่เมื่อตัดกำไรของกลุ่มพลังงานออก กำไรของตลาดไม่นับพลังงานก็ยังคงอยู่ที่ 2.08 แสนล้านบาท เติบโต +11% QoQ และทรงตัวจากปีก่อนหน้า

ภาพรวมกำไรตลาดในไตรมาส 2 จึงไม่ได้ดีแค่เฉพาะพลังงาน แต่กลุ่มหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศเริ่มดีขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้จากกำไรไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2565 ตลาดมีกำไรสุทธิ 6.32 แสนล้านบาท +16% YoY บ่งบอกว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนได้ฟื้นขึ้นมาจากวิกฤติ COVID-19 แล้ว

กำไรในครึ่งปีแรกจัดไปแล้วที่ 6.32 แสนล้านบาท คิดเป็น 57% ของประมาณกำไรตลาดทั้งปี 2565 ที่ 1.11 ล้านล้านบาท หมายความว่าในครึ่งปีหลังขอกำไรเพิ่มอีกแค่ 4.49 แสนล้านบาทก็จะได้ตามเป้า

เมื่อดูโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและความสามารถขอบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำให้กำไรรวมให้ไปถึงเป้าหมาย 1.11 ล้านล้านบาทได้

กำไรสุทธิ 1.11 ล้านล้านบาท จะแปลงเป็นกำไรต่อหุ้น EPS ได้ที่ 94 บาทต่อหุ้น มองว่ายากมากที่ปี 2565 EPS จะต่ำกว่าระดับนี้ นั่นเท่ากับว่า Valuation ของ SET Index ที่บริเวณ 1,640 จุด จะมีค่า Forward PER ปี 2565 ที่ 17.44 เท่า แม้จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 19.7 เท่า แต่ค่าเฉลี่ยนี้ถูกดึงขึ้นด้วยความผิดปกติของ COVID-19 กำไรตลาดตกต่ำ แต่ SET Index ถูกดันด้วยสภาพคล่องล้น เงินเก็งกำไรโถมเข้าใส่ตลาดจนทำให้ Valuation สูงผิดปกติ Current PER พุ่งไปถึง 32 เท่า

กอปรปัจจุบันตลาดอยู่ในสภาวะที่แตกต่างไปจากเดิม แรงกดดันจากสภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้การยอมรับ PER ต้องถูกปรับลดลงมา PER ที่ 17.44 เท่า จึงไม่ใช่ระดับที่จะบอกได้ว่านี่เป็นระดับที่ถูกหรือน่าซื้

จากรูปจะเห็นได้ว่าระดับ PER ที่น่าสนใจของ SET Index จะอยู่ที่บริเวณ -1 เท่าของค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (-1SD) หรือที่ 16.5 เท่า ซึ่งถ้าดูตั้งแต่ปี 2560-2563 จะพบว่าดัชนีไม่เคยลงต่ำกว่าระดับ PER นี้เลย

ที่ PER 16.5 เท่า เมื่อคูณกับค่า Forward EPS 94 บาทต่อหุ้น จะคิดเป็นระดับดัชนีจะได้ที่ 1,551 จุด คิดเป็น Downside จากระดับดัชนีปัจจุบันที่ 1,640 จุด เพียง 5.4% ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยที่เราควรจะรอให้ Valuation ของ SET Index มันปรับลงมาที่ระดับเหมาะสมนี้ก่อนแล้วค่อยเข้าซื้อ

อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่เดือน ก.ย.65 เป็นไปได้สูงที่ตลาดจะเริ่มไปใช้ Forward EPS ของปี 2566 ซึ่ง บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับประมาณ 98 บาทต่อหุ้น หากนำค่า Forward EPS ดังกล่าว มาคิดหาระดับดัชนีจากค่า PER ที่ 16.50 เท่า จะได้ SET Index ที่ 1,617 จุด และด้วย EPS ที่สูงขึ้นทำให้เราสามารถต่อรองราคาลงมาได้อีกเช่น การรอรับที่ PER 16 เท่า จะได้ดัชนีที่ 1,568 จุด PER 15.5 เท่าที่ 1,519 จุด หรือ ระดับลึกสุดใจ PER 15 เท่าที่ 1,470 จุด

ประกิต สิริวัฒนเกตุ
กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้เขียนบทความนี้มิได้รับค่าตอบแทนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทที่กล่าวถึงในบทความนี้แต่อย่างใด | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้