เล่นหุ้น Turnaround

การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 จากการรวบรวม 560 บริษัท (คิดเป็น 93% ของ Market Cap รวม) มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 209,630 ล้านบาท +19% YoY -25% QoQ ถือเป็นกำไรเฉพาะไตรมาส 3 ที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปี

Big Surprise มาก ๆ กับกำไรในระดับเกือบถึง 2.1 แสนล้านบาท มากกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 1.2 แสนล้านบาท กว่า 75% ทั้ง ๆ ที่ไตรมาส 3 ปีนี้ต้องเจอกับสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ที่รุนแรง และการ Lockdown เต็มไตรมาส

ต้องขอยอมรับว่าบริษัทจดทะเบียนไทยมีความเก่งและแข็งแกร่งจริง ๆ ที่สามารถทำกำไรได้ดีท่ามกลางสถานการณ์สุดแสนวิกฤต ทั้งนี้ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้นมาตั้งแต่ปลาย ก.ย. 64 ทำให้กำไรไตรมาส 3 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งไตรมาส 4 และ ปี 2565

ประเมินผลประกอบการในไตรมาส 4 กำไรตลาดจะฟื้นตัวขึ้นมาที่ระดับ 2.10 แสนล้านบาท เมื่อรวมกำไรจากไตรมาส 3 ที่ 2.09 แสนล้านบาท และกำไรครึ่งปีแรกที่ 5.44 แสนล้านบาท กำไรตลาดรวมในปี 2564 จึงน่าจะอยู่ที่ 9.6 แสนล้านบาท ซึ่งจะกลายเป็นกำไรรวมทั้งตลาดที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แทนกำไรตลาดในปี 2560 ที่ระดับ 9.4 แสนล้านบาททันที

กระนั้น แม้ตลาดจะแข็งแกร่งและฝ่าวิกฤต COVID-19 จนทำกำไรรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.6 แสนล้านบาท แต่ด้วยความที่ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทำให้มูลค่าของตลาดสูงขึ้นโดยอัตโนมัตินั้น ได้ทำให้กำไรเมื่อเทียบกับ Market Cap หรือ EPS ปี 2564 83.87 บาทต่อหุ้น 75% YoY ซึ่งยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ในปี 2560 ที่ EPS 94 บาทต่อหุ้น (EPS ปรับลดลงต่อเนื่อง YoY มาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปี 2563)

EPS ปี 2564 ที่ 83.87 บาทต่อหุ้น ถือว่าใกล้เคียงกับระดับ EPS ปกติก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาด COVID-19 เมื่อ ก.พ. 63 โดยค่า Current EPS ณ สิ้น ม.ค. 63 อยู่ที่ระดับ 82.34 บาท

ทั้งนี้กำไรตลาดไตรมาส 3 แม้ว่าจะได้แรงหนุนหลักๆจากกลุ่ม Global Play พลังงาน 6.2 หมื่นล้านบาท +38% YoY ปิโตรเคมี 1.8 หมื่นล้านบาท +450% YoY แต่กลุ่มที่อิงกับเศรษบกิจในประเทศก็มีผลประกอบการที่เหนือคาดเช่น ธนาคารฯ 4.4 หมื่นล้านบาท +45% YoY โรงพยาบาล 1.4 หมื่นล้านบาท +286% YoY คาดว่า ปี 2565 จะเป็นปีของการฟื้นตัวของกำไรกลุ่ม Domestic ซึ่งน่าจะช่วยทำให้กำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องถึง 1.12 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 95.98 บาทต่อหุ้น เติบโต +14.45% YoY ซึ่งเหนือกว่าระดับก่อนเกิดเรื่อง COVID-19 อย่างชัดเจน

ทิศทางกำไรตลาดกำลังฟื้นจากจุดต่ำสุด เช่นเดียวกับ GDP Growth ไตรมาส 3 ที่พบจุดแย่ที่สุดไปแล้ว (-0.3% YoY ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ -1.3% YoY) จากนี้ตลาดจะเข้าสู่ช่วงเทศกาล Analyst Meeting และ Opportunity Day ซึ่งบรรดาบริษัทจดทะเบียนจะมาพูดถึงมุมมองธุรกิจในไตรมาส 4 และปีหน้า คาดว่าแต่ละบริษัทจะแสดงความมั่นใจว่าผลประกอบการจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และมีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นการเร่งลงทุนของแต่ล่ะบริษัทมากขึ้น

ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสในการเข้าเก็บหุ้นที่มีกำไรไตรมาส 3 ย่ำแย่และจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 จนถึงปีหน้า Turnaround

  • กลุ่มขนส่ง AOT BEM
  • กลุ่มการเงิน BAM SAWAD MTC TIDLOR AEONTS KTC
  • กลุ่มแบงก์ใหญ่ BBL KBANK SCB KTB TTB
  • กลุ่มค้าปลีก CPALL HMPRO TNP
  • กลุ่มปั๊มน้ำมัน OR PTG ESSO
  • กลุ่มโรงแรม MINT CENTEL ERW SHR
  • กลุ่มห้างและอื่น ๆ CPN CRC COM7 MAJOR M ZEN SPA KISS
  • กลุ่มประกัน BLA
  • กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC BGRIM GULF

ประกิต สิริวัฒนเกตุ
กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์