เพราะตลาดหุ้นไม่มีคะแนนสำหรับท่ายาก

เพราะกำไรของการลงทุน ไม่ได้คำนวณจากความซับซ้อนของกิจการ

แต่มาจากการที่เราเข้าใจธุรกิจ ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า

แล้วปล่อยให้กิจการเติบโต ออกดอกออกผล ให้เราได้เก็บเกี่ยวเมื่อวันสุกงอม

มาดูกันดีกว่าครับว่า ท่าง่ายในการลงทุนมีอะไรกันบ้าง

1) ลงทุนในหุ้นที่เราเข้าใจเป็นอย่างดี

ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ของกินของใช้ อาจจะเป็นหุ้นที่สุดแสนจะธรรมดา ทำกิจการซื้อมาขายไป เราสามารถเข้าถึงกิจการได้ง่ายดาย เพียงแค่เดินไปร้านหน้าปากซอย หรือเข้าห้างก็เจอ ผิดกับหุ้นบางประเภทที่กิจการอาจอยู่ต่างประเทศ กิจการสลับซับช้อนอย่างปิโตรเคมี หรือ สินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจ แค่เห็นชื่อสินค้าก็ปวดหัวแล้ว เราก็อาจเลือกไม่ลงทุนก็ได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบอกว่า ความยากง่ายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความรู้ที่ต่างกันออกไป บางคนบอกปิโตรยาก บางคนบอกง่าย เพราะฉะนั้นเลือกหุ้นไหนก็ได้ที่เราเข้าใจได้ดีที่สุดเป็นพอ

2) ข้อมูลไม่ต้องครบก็ซื้อหุ้นได้

ข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นในการลงทุนก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่า เราไม่สามารถหาข้อมูลได้ครบทั้งหมด และจริงๆ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เราเพียงแต่ต้องรู้ว่า เราควรรู้ข้อมูลอะไรที่สำคัญ และจำเป็นต่อการวิเคราะห์หุ้นตัวนั้นมากกว่า เพื่อให้เราได้เข้าใจธุรกิจ เข้าใจตัวเร่งในการเติบโต ความเสี่ยง และประเมินราคาที่เหมาะสมได้

บางครั้งถ้าเรารอเก็บข้อมูลให้ครบ หุ้นตัวที่เราสนใจอาจจะวิ่งไปก่อนโดยไม่รอเราแล้วก็ได้

3) ไม่ต้องลงรายละเอียดยิบย่อยเหมือนทำงานวิจัย

หลายคนเป็นนะ แบบคำนวณตัวเลขละเอียดยิบถึงขั้นทศนิยม 2-3 ตำแหน่ง เช็คสัดส่วนรายได้อื่นๆ ยิบย่อยของบริษัททั้งหมด ถามว่าดีมั้ย ก็ดีที่ละเอียด แต่ก็ต้องถามตัวเองว่า เราเสียเวลามากขึ้นโดยไม่จำเป็นหรือเปล่า เพราะการลงรายละเอียดมากเกินไปก็อาจไม่ได้ทำให้มูลค่าหุ้นที่คำนวณได้ต่างกันมากนัก อาจจะต่างกันแค่หลักทศนิยม หรือหลักหน่วย ซึ่งก็คงไม่มีผลทำให้เราเปลี่ยนมุมมองในการลงทุนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะฉะนั้นเอาเวลาไปโฟกัสจุดใหญ่ จุดหลักของกิจการดีกว่า หรือเอาเวลาที่เหลือไปหาข้อมูลบริษัทอื่นอาจจะได้ประโชน์มากกว่า

4) ประเมินมูลค่าแค่บวกลบคูณหารพอ

บางคนใส่ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุมต่างๆ มากมาย ใช้สูตรทางคณิตศาสตร์เชิงลึก เพื่อเอามาทำการประเมินมูลค่าหุ้น ซึ่งหลายครั้งอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ท่ายากขนาดนั้น แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจมากกว่าว่าหุ้นแบบไหน ควรประเมินมูลค่าด้วยวิธีไหน และตลาดมีมุมมองอย่างไรกับหุ้นตัวนั้น บางทีอาจเป็นวิธีง่ายๆ แบบ P/E, P/BV ก็พอ

5) กำไรไม่ต้องอวดใคร แต่ขาดทุนต้องเข้าใจ

หลายคนชอบโพสต์ ชอบอวด เวลาทำกำไรได้ จริงๆ ก็เป็นเรื่องส่วนตัว เราอาจดีใจ เลยอยากบอกให้เพื่อนๆ รู้ แต่บ่อยครั้งเข้าอาจจะกลายเป็นความกดดันโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ว่า ทุกครั้งที่ลงทุนต้องกำไร พอขาดทุนเราก็ไม่กล้าบอกใคร กลัวเสียหน้า

ความเห็นส่วนตัว ผมมองว่า เราก็ตั้งหน้าตั้งตาลงทุนไป ไม่ต้องไปอวดใครเวลากำไร แค่ให้รู้ก็พอว่า ทำอย่างไรถึงได้กำไร แต่เวลาขาดทุนนี่สิ สำคัญกว่า เราต้องเข้าใจด้วยว่า ไปทำท่าไหนมา ถึงได้ขาดทุนแบบนี้ จดไว้เพื่อคราวต่อไปจะได้ไม่พลาดอีก

ลองหากันดูครับ ท่าไหนคือท่าง่าย เป็นท่าไม้ตายที่เหมาะกับคุณ

แล้วคุณจะมีความสุขกับการลงทุน