ผมเป็นคนชอบซื้อหนังสือ เข้าห้างต้องแวะร้านหนังสือ งานสัปดาห์หนังสือก็ไม่เคยพลาด
แต่ปัญหาที่ตามมาคือ อ่านหนังสือไม่ทัน วางกองอยู่เต็มบ้านหลายสิบเล่ม มีใครเป็นแบบนี้บ้างครับ
แต่ผมมีวิธีแก้ด้วยการ “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง” คือ ไปซื้อหนังสือแนะนำเทคนิคการอ่านเร็ว เผื่อว่าจะช่วยได้ จนมาเจอเล่มนี้เขียนโดย Mark Tigchelaar ซึ่งดีมาก พูดเกี่ยวกับเรื่องสมอง โยงเข้ากับการอ่าน และสามารถเอาไปใช้ได้จริง เดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ให้ฟังนะครับ
แต่ความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 200 คำต่อนาที
เพราะฉะนั้น ขณะที่เราอ่านหนังสืออยู่จะมีพื้นที่สมองว่าง ๆ ให้คิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องอื่น ๆ ได้มากมาย
ขอพูดถึงเรื่อง “ลูกตา” ของเรานิดนึงก่อน เวลาเข้าไปในห้องใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ลูกตาก็จะมองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ เวลาอ่านหนังสือก็เหมือนกัน ตาของเราก็จะมองไปรอบ ๆ หรือบางทีก็มองย้อนไปย้อนมาถึงตัวอักษรก่อนหน้าบ้าง บรรทัดข้างบนบ้าง ทำให้สมาธิของเราหลุดลอยไป
วิธีแก้ปัญหา คือ ต้องอุดช่องว่างของสมองด้วยการ “อ่านให้เร็วขึ้น” และทำให้ “ลูกตา” มีสมาธิจดจ่อกับตัวหนังสือ ทำง่าย ๆ โดยใช้นิ้วหรือปากกาจิ้มไปที่ตัวหนังสือ คอยนำสายตาอ่านตามตัวอักษรที่ชี้อยู่ ปรับสปีดการอ่านตามที่ต้องการ ควบคุมจังหวะให้เหมาะสม แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการอ่านให้เร็ว คือ ต้องอ่านให้เข้าใจด้วย
ไม่ใช่แค่เรื่องการอ่านนะครับ การฟังก็ใช้ได้ด้วย เวลาเราฟัง Youtube, Podcast หรือ Opp Day ลองปรับสปีดเป็น 1.5 หรือ 2 เท่า เพื่ออุดช่องว่างของสมอง จะได้จำได้มากขึ้น ประหยัดเวลาดีด้วย ลองดูครับ
เช่น เปิดคอมหลาย ๆ หน้าจอ ประชุมไปด้วย ตอบเมลล์ไปด้วย เพราะคิดว่าจะทำงานได้เร็วกว่า แต่จริง ๆ ไม่ใช่ครับ สมองกลับทำงานหนักกว่าด้วย
การทำแบบนี้ต้องใช้ “สมาธิแบบรู้ตัว” ในการทำงาน เป็นการที่เราต้องจดจ่อกับตัวงานที่ทำ มันไม่ใช่การทำงานทีละหลาย ๆ อย่าง แต่เป็นการสลับงานไปมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นการใช้สมองทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งกลับทำให้เสียเวลามากขึ้นและจำได้น้อยลง ต่างจากการที่เราเดินไปพูดไป อันนั้นเป็นการใช้ “สมาธิแบบไม่รู้ตัว” ซึ่งเกิดโดยอัตโนมัติ สมองจะจัดการได้
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น เวลาเราจดงานตามคำพูดของครูหรือเจ้านาย ถ้าจดตามทุกคำยังไงก็จดไม่ทัน และไม่ได้ฟังเนื้อหาต่อไปด้วย หรือขับรถไปคุยมือถือไป ขับรถไปแต่งหน้าไป จนรถชนกัน ก็เพราะสมองเราทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
วิธีแก้ปัญหา คือ ให้ทำงานทีละอย่าง หรือเวลาประชุมก็ฟังให้จบ เสร็จปุ๊บก็ให้รีบจดเลยว่าเนื้อหาสาระที่ได้ยินมาคืออะไร ประเด็นสำคัญ Next Step คืออะไร หรือเวลาอ่านหนังสือก็ไม่ต้องมานั่งจำทุกคำที่อ่าน เอาให้เข้าใจก่อนจบบทนึงค่อยมาเขียนสรุปสิ่งที่จำได้ สิ่งที่สำคัญ
เวลาจด ให้จด “คำนาม” เป็นหลัก เพราะคำเหล่านี้เป็น Key Words พวกคำเชื่อม คำคุณศัพท์ คำขึ้นต้นแบบ a, an, the พวกนี้ไม่ต้องจดมาก็ได้ เพราะไม่ใช่ใจความสำคัญ
ในหนังสือยกตัวอย่างว่า ผู้ชายคนนึงนามสกุล “Baker” ก็จำว่าเป็น “ขนมอบ” ก็จะจำได้ง่ายขึ้น อีกคนชื่อ “จัสติน” ก็แน่นอน ให้นึกถึงนักร้องอย่าง “จัสติน บีเบอร์”
การจำตัวเลขเค้าก็ให้เปลี่ยนเป็นภาพ หรือ เชื่อมโยงกับตัวเลขที่คุ้นเคย เช่น เห็นเลข 911 หรือของไทยก็ 191 ก็ให้จำว่าเป็นเลขสถานีตำรวจ หรือจะจำแบบนี้ก็ได้ คือ
1 = เทียน
2 = หงส์
3 = กุญแจมือ
4 = เรือใบ
5 = ตะขอ
จำสัญลักษณ์ประมาณนี้ หรือว่าจะเอาไปแต่งเป็นเรื่องราว เป็นนิทานก็ได้ครับ เห็นน้องเบส ลงทุนศาสตร์ อ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน แต่งนิทานเรื่อง “ลูกหมู 5 ตัว” สนุกดีครับ ลองไปอ่านกันดูได้
เพราะไม่รู้ว่ามันคือภาพอะไร แต่ถ้าให้เราเห็นภาพใหญ่หรือภาพรวมก่อน แล้วค่อยกระจายออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้เราจะต่อกลับเป็นรูปเดิมได้ เพราะสมองเราจะประมวลภาพได้ชัด
วิธีการนี้เอามาใช้กับการอ่านได้คือ เปิดอ่านคำนำ อ่านสารบัญ อ่านบทสรุป เพื่อจะได้เข้าใจโครงสร้างของหนังสือเล่มนี้ว่าเริ่มต้นและจบอย่างไร พอเรามาอ่านเนื้อหาก็จะเข้าใจได้ง่ายและเร็วขึ้น
อีกวิธีคือ อ่านรีวิวหรือบทสรุปของคนอื่นที่เค้าอ่านมาแล้ว เราก็จะได้เห็นภาพรวมของหนังสือ พอเราไปอ่านเองก็จะเข้าใจง่าย เชื่อมโยงเนื้อหาได้เร็วขึ้น เก็บรายละเอียดได้มากขึ้นด้วย
จำนวนชั่วโมงทำงานก็ไม่ได้แปรผันตรงกับประสิทธิภาพในการทำงาน
พูดง่าย ๆ ก็คือ อ่านหนังสือแบบเอาเป็นเอาตาย หรือทำงานจนดึกดื่น ไม่ได้แปลว่าจะสอบได้คะแนนดี หรือทำงานได้ดี
เหตุผลก็คือ สมองคนเราต้องการเวลาพักผ่อน ถ้ามันซึมซับข้อมูลตลอด มันจะอิ่มตัวแล้วรับอะไรเพิ่มไม่ได้อีก เหมือนเวลาที่เรารู้สึกว่าสมองตื้อหรือรู้สึกเหนื่อย ๆ ล้า ๆ นั่นละครับ
แต่จุดสมดุล ผมว่าเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องหาให้เหมาะกับตัวเอง เช่น อ่านหนังสือ 30 นาที พัก 5 นาที แล้วกลับมาอ่านใหม่ หรือทำงาน 30 นาที พักมองต้นไม้เขียว ๆ แป็บนึง แล้วกลับมาทำงานต่อ อะไรแบบนี้เป็นต้นครับ
1) ใช้นิ้วหรือปากกาจิ้มไปที่ตัวหนังสือ อ่านตามไปเรื่อย ๆ ปรับสปีดให้เหมาะสม เน้นที่ความเข้าใจมากกว่าอ่านเพื่อความเร็ว
2) ทำงานทีละอย่าง อย่าให้สมองสับสน (คุณผู้หญิงอย่าแต่งหน้าตอนขับรถนะครับ)
3) จำเป็นภาพหรือเชื่อมโยงกับสิ่งที่เราคุ้นเคย
4) อ่านคำนำ สารบัญ บทสรุป และรีวิวของคนอื่น
5) ให้สมองได้พักผ่อนบ้าง
ที่มาบทความ: https://www.stockvitamins.co/อ่านเร็ว-เข้าใจ-ไม่มีวัน/
อ่านบทความนี้บนแอป พร้อมแจ้งเตือนข้อมูลและสิทธิประโยชน์ดีๆ และลองใช้ PORT