สรุปแถลงการณ์ กนง. วันนี้ เงินเฟ้อตํ่ากว่าเป้า หนี้ครัวเรือนสูง เงินบาทยังแข็งค่าเกิน ฟันปีถัดๆไปกลับมาได้
เศรษฐกิจช่วงนี้ขยายตัวตํ่ากว่าเดิมผลมาจากการส่งออกที่ลดลงเป็นผลมาจากการกีดกันทางการค้าและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต จึงลามไปถึงการจ้างงาน ทำให้อุปสงค์ (Demand) ลดลง
การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว เหตุมาจากรายได้ต่อครัวเรือนที่ลดลง ส่งผลให้การจ้างงานลดลง นอกจากนี้หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง
ด้านการใช้จ่ายทางภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวตํ่ากว่าที่ประเมิน เพราะเลื่อนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจำเป็นต่อการขยายตัวของธุรกิจ

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป

ตํ่ากว่ากรอบเป้าหมายที่ 1% เหตุมาจากราคาพลังงานที่ตํ่ากว่าคาด

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน

มีแนวโน้มสูงขึ้น ตามเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงนี้ แต่ยังมีแรงกดดันจากการมาของอีคอมเมิส การแข่งขันด้านราคาและเทคโนโลยีที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นได้ช้ากว่าในอดีต
ภาวะทางการเงินผ่อนคลาย เนื่องจากการลดดอกเบี้ยสองครั้งที่แล้ว โดยหวังว่าจะสามารถเพิ่มอัตราเงินเฟ้อให้ถึงกรอบเป้าหมายได้ นอกจากนี้ผลจากการลดดอกเบี้ยยังทำให้ระบบการเงินหรือเงินกู้มีสภาพคล่องที่สูงขึ้น คนระดมทุนได้ต่อเนื่อง แต่สินเชื่อยังชะลอตัว

ค่าเงินบาท

ยังแข็งอยู่เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า ผลจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์ต่างประเทศ โดยสนับสนุนให้ปรับกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศเพื่อสนับสนุนให้เงินทุนไหลออก เพื่อลดการแข็งค่าของค่าเงินบาท
ตลาดช่วงนี้อยู่ในสภาวะ risk on เนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ตํ่า จึงมีความกังวลว่านักลงทุนอาจจะประเมินความเสี่ยงของตลาดตํ่ากว่าที่ควรจะเป็น
โดยรวมในปีหน้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยคาดการณ์การขยายตัวที่ร้อยละ 2.8% และดีกว่าเดิมในปี 2564 เหตุเพราะเศรษฐกิจโลกดีขึ้น จึงทำให้การส่งออกดีขึ้น
ทางด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยในตอนนี้อยู่ในช่วงชะลอตัวแต่มาตรการกระตุ้นของทางรัฐน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีได้ พร้อมด้วยปัจจัยเสี่ยงทางต่างประเทศมีทิศทางไปในทางที่ดีขึ้น
โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 มีการคาดการณ์ว่าอาจต้องผ่อนคลายนโยบายทางการเงินหรือลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากเศรษฐกิจไทยอาจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด