เมื่อต้นเดือนเมษายนนี้ หุ้นของ Tesla รถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมตอบโจทย์โลกอนาคต ได้แซง Ford บริษัทรถยนต์พี่ใหญ่ในตลาดไปเป็นที่เรียบร้อย
จากรายงานระบุว่า Tesla มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นถึง 25,418 คัน ในไตรมาสแรของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นถึง 69% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
Tesla ต้องเจอกับความท้าทาย เนื่องจากต้นปี นักลงทุนหุ้นแนะนำให้เทขายหุ้นของ Tesla เพราะจะมีปัญหากระแสเงินสด รวมถึงการผลิตที่ล่าช้า และการลาออกของผู้บริหารบางตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม Tesla พิสูจน์ให้เห็นว่ายอดขายในไตรมาสแรกของปีดีขึ้น และยังวางแผนไว้ว่าจะผลิตรถให้ได้ถึง 500,000 คัน ในปี 2018 เพื่อแข่งขันกับบริษัท GM และ Ford
ซึ่งหลังจบไตรมาสแรกราคาหุ้น Tesla ก็ปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้มูลค่าการตลาดอยู่ที่ 48,600 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ Ford สูงกว่าถึง 7%
นักวิเคราะห์จาก AutoPacific ระบุว่า หุ้นของ Tesla อาจเป็นหุ้นที่แย่และมีความเสี่ยงที่สุด นั่นก็เพราะว่าแม้ Tesla จะมีกำไรตั้งแต่สองไตรมาสในปี 2003 แต่ Tesla ก็สูญเสียเงินหลายล้านดอลลาร์ไปกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในแต่ละปีอย่างมหาศาล
น่าสนใจว่าในอนาคต หาก Tesla ทำสำเร็จมากว่านี้ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อยสองด้าน หนึ่งคือพลังงาน และสองคือพาหนะรูปแบบใหม่ แต่เอาเป็นว่าในตอนนี้ Tesla น่าจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ก่อนว่าบริษัทมีรายรับมากกว่ารายจ่าย