News Update: สถิติตลาดหุ้นสหรัฐฯ 78 ปี ชี้ เดือน ก.ย. S&P 500 ทำผลตอบแทนแย่ที่สุด แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือ การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ตลาดจับตา ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินทางมาถึงช่วงอันตรายที่สุดของปี 2022 เพราะตามสถิติแล้ว ก.ย. เป็นเดือนที่ S&P 500 ทำผลตอบแทนแย่ที่สุด ในช่วงเวลาที่ Fed ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและใช้นโยบายการเงินเข้มงวด

นักลงทุนที่มองว่า ‘เงินเฟ้อ’ ในปีนี้จะพุ่งสูงขึ้นในช่วงสั้นๆ ต่างกำลังกังวลว่า แรงกดดันจะคงอยู่ไปอีกนานแค่ไหน กระตุ้นให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระตุ้นหุ้นเติบโต ส่งผลให้ตลาดหุ้นรีบาวด์ขึ้นมาตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.

ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 17% จากระดับต่ำสุดกลางเดือน มิ.ย. จนถึงกลางเดือน ส.ค. ก่อนจะปรับตัวลงมาในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนที่แล้วและสิ้นสุด เดือน ส.ค. ด้วยการลดลง 4.2% ซึ่งตอนนี้กำลังเข้าสู่เดือน ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดของตลาดหุ้น

จากสถิติที่ผ่านมา เดือน ต.ค. เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นผันผวนมากที่สุด โดยมีการร่วงแรงในปี 1929, 1987 และ 2008 แต่จริงๆ แล้วนั้น เดือน ก.ย. มีผลตอบแทนที่เลวร้ายกว่าเสียอีก

ตามการรวบรวมข้อมูลของ Bloomberg ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา S&P 500 ขาดทุนเฉลี่ย 0.7% ในเดือน ก.ย.

มีหลายเหตุผลที่อธิบายทางทฤษฎีว่าทำไมหุ้นร่วงตอนเดือน ก.ย. ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนจำนวนมากกลับมาจากการพักผ่อนช่วงฤดูร้อนและต้องประเมินตำแหน่งพอร์ตการลงทุนใหม่ หรือองค์กรต่างๆ กำลังถกเถียงกันว่าควรรัดเข็มขัดในงบประมาณหน้าหรือไม่ รวมถึงการขายขาดทุนของของกองทุนรวมต่างๆ

Sam Stovall จาก CFRA กล่าวว่า มีเรื่องที่น่ากลัวกว่าสถิติการลดลงในเดือน ก.ย. นั่นคือการที่ Fed หักโหมขึ้นดอกเบี้ยและนำเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ยังมีประเด็นรัสเซีย เพราะหากรัสเซียลดการส่งมอบพลังงานให้ยุโรปซึ่งนั่นอาจทำให้ยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลก

ตอนนี้ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานที่จะเปิดเผยออกมาในคืนนี้ (2 ก.ย.) ขณะที่ อัตราการว่างงานอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปีที่ 3.5% ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วน่าจะเป็นข่าวดีสำหรับตลาด อย่างไรก็ตาม หากการจ้างงานโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งนั่นหมายถึงการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และนั่นแปลว่าการลดลงของราคาหุ้นและพันธบัตรไม่น่าจะหายไปในเร็วๆ นี้

ขณะที่ การประมาณการกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ยังคงลดลงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้และในปี 2023 นั่นทำให้คาดการณ์การเติบโตในไตรมาสที่ 3 ของดัชนีลดลงเหลือ3.9% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้สูงถึง 9.7%

อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-09-01/stock-market-s-worst-month-gets-even-more-dicey-with-hawkish-fed?sref=e4t2werz 

——————-

👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน