News Update: น้ำมันดิบพุ่งกว่า 7% แตะ $130 สูงสุดรอบ 13 ปี กังวลตะวันตกแบนน้ำมันรัสเซีย ทำอุปทานน้ำมันโลกหยุดชะงัก

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งกว่า 7% แตะ $130 สูงสุดในรอบ 13 ปี หลังสหรัฐฯ ​และพันธมิตรเตรียมแบนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ในเวลาที่อุปทานน้ำมันโลกกำลังชะลอตัว

วันนี้ (7 มี.ค.) ราคาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 7.34% สู่ $124.17 ต่อบาร์เรล โดยระหว่างวันพุ่งไปถึง $130.50 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2008

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้น 8.54% อยู่ที่ $128.20 โดยพุ่งไปถึง $139.13 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2008 เช่นกัน

แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว CNN เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ว่า สหรัฐฯ ​และพันธมิตรเตรียมแบนการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย แต่จะต้องมั่นใจก่อนว่ามีอุปทานน้ำมันที่เหมาะสมในตลาดโลก

ด้านแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า สภาเตรียมร่างกฎหมายที่มุ่งแยกรัสเซียออกจากเศรษฐกิจโลก โดยจะพิจารณา

1) ห้ามนำเข้าน้ำมันและพลังงานจากรัสเซีย
2) ตัดความสัมพันธ์ทางการค้ากับรัสเซียและเบลารุส
3) แบนรัสเซียไม่ให้เข้าถึง WTO
4) มอบอำนาจแก่ฝ่ายบริหารในการเพิ่ม​ภาษีนำเข้าจากรัสเซีย

ในช่วงเวลาเดียวกัน ซาอุดิอาระเบียได้ปรับขึ้นราคาน้ำมัน และลิเบียประกาศลดกำลังการผลิตจากวิกฤติการเมืองในแอฟริกาเหนือ แม้จะมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านแล้วก็ตาม

ซาอุดิอาระเบียได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันสำหรับทุกภูมิภาค โดยในเดือนหน้าราคาน้ำมันดิบ Arab Light สำหรับส่งไปทวีปเอเชียจะอยู่ที่ $4.95 บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ Bloomberg รวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2000

ด้านรมว.พลังงานของลิเบีย ประกาศลดการผลิตน้ำมันเหลือต่ำกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่สมาชิกโอเปกลดกำลังการผลิตเหลือ 920,000 บาร์เรลต่อวัน จากวิกฤติทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกต่ออุปทานน้ำมันโลก หลังมีความคืบหน้าการเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่านกับมหาอำนาจโลก ซึ่งหากสำเร็จจะนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร และปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกอีกครั้ง

อ้างอิง:

——————-

👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน