ปธน.สหรัฐฯ โจ ไบเดน เรียกร้องให้ ปธน.จีน สี จิ้นผิง แสดงความร่วมมือในประเด็นสำคัญต่างๆ หลังฝ่ายบริหารของ โจ ไบเดน รู้สึกไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่จีนไม่ให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง

ผู้นำทั้งสองได้พูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์เป็นเวลากว่า 90 นาที ในคืนวันพฤหัสบดี (9 ก.ย.) ซึ่งเป็นการสนทนากันครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ. การสนทนาเกิดขึ้นหลังความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ขัดแย้งกันมากขึ้น

เจ้าหน้าที่อาวุโสบอกกับผู้สื่อข่าวว่า โจ ไบเดน ต้องการพูดคุยกับ สี จิ้นผิง เนื่องจากการประชุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่และรัฐมนตรีจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าเลย

ทำเนียบขาวรายงานว่า ผู้นำทั้งสองมีการอภิปรายเชิงกลยุทธ์ในวงกว้าง โดยพูดถึงประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน รวมถึงประเด็นที่มีความสนใจ ค่านิยม และมุมมองที่ต่างกัน โดยผู้นำทั้งสองตกลงมีส่วนร่วมในทั้ง 2 ประเด็นอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา

นอกจากนี้ โจ ไบเดน เและ สี จิ้นผิง ยังหารือถึงความรับผิดชอบของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าการแข่งขันจะไม่นำมาสู่ความขัดแย้ง

สหรัฐฯ ต้องการแยกบางประเด็น เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ออกจากประเด็นที่มีการถกเถียงรุนแรง อย่างประเด็นการค้า สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตยในฮ่องกง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนได้เชื่อมโยงประเด็นเหล่านี้เข้าด้วยกัน

สี จิ้นผิง พูดถึงนโยบายจีนที่ถูกชี้นำโดยสหรัฐฯ มาระยะหนึ่งว่า ได้ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง โดยจีนพร้อมให้ความร่วมมือในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่เศรษฐกิจโลก ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่จำเป็นต้องทำ ‘อยู่บนพื้นฐานความเคารพข้อกังวลหลักของกันและกัน’

สี จิ้นผิง เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศควรกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเป็นคำถามแบบบังคับ ไม่ใช่คำถามแบบเลือกตอบ

จีนกล่าวว่า ทั้งสองประเทศเห็นตรงกันว่าการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอของสองผู้นำมีความสำคัญ ขณะที่ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ​ กล่าวถึงการแลกเปลี่ยนในอนาคตแบบไม่ผูกมัด

น้ำเสียงระหว่างผู้นำทั้งสองแสดงความคุ้นเคยและตรงไปตรงมา โดย โจ ไบเดน ใช้โอกาสนี้อธิบายเจตนาเบื้องหลังการกระทำต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่รัฐบาลจีนตีความอย่างไม่ถูกต้องว่าสหรัฐฯ ต้องการโจมตีจีน

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณานโยบายต่างๆ ของจีน ซึ่งรวมถึงข้อตกลงทางการต้า และการเก็บภาษีศุลกากรมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน โดยการพิจารณาจะสามารถสรุปและเปิดเผยได้ในไม่ช้า

นับตั้งแต่การพูดคุยล่าสุดในเดือน ก.พ. ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเกิดความขัดแย้งขึ้นหลายครั้ง ตั้งแต่ประเด็นสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการสอบสวนที่มาของโคโรน่าไวรัส ซึ่งจีนปฏิเสธการให้ความร่วมมือ

การเผชิญหน้ากันของผู้นำทั้งสองอาจเกิดขึ้นนอกรอบหลังการประชุม G-20 ที่กรุงโรม ในปลายเดือน มี.ค. อย่างไรก็ตาม ปธน.สี จิ้นผิง ยังไม่ยืนยันการเข้าร่วมประชุม G-20 และมีความเป็นไปได้ที่จะไม่เข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง

อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-09-10/biden-calls-xi-over-u-s-frustration-with-dead-end-talks?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz

——————-