กองทุนเติบโตสูงแบบไหน สู้เศรษฐกิจถดถอยได้เวิร์ค?

ทั่วโลกเริ่มกังวลมากขึ้นถึงความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอย ที่มีโอกาสเกิดขึ้นทั้งในยุโรป และ สหรัฐฯ แรงกดดันนี้ส่งผลให้หลายกองทุนราคาปรับตัวลดลงจนน่าเข้าซื้อ แต่กองทุนแบบไหนกันแน่ ที่น่าลงทุนในรอบนี้? กองทุนไหนที่จะเป็นความหวังช่วยให้ฝ่าด่านเศรษฐกิจถดถอย และเติบโตระยะยาวได้?!?

หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯส่งสัญญานเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (US Technical Recession) ไปเรียบร้อยแล้ว จากการที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยไตรมาส 1/2565 ติดลบ 1.6% และไตรมาส2/2565 ติดลบ 0.9%1

จนส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นสหรัฐฯให้ปรับตัวลดลงไปอย่างมาก เห็นได้จากค่า Forward P/E ของ S&P500 นับตั้งแต่ต้นปี ได้ปรับลดลงมาแล้วถึง -28%แต่ในขณะเดียวกัน การปรับตัวลดลงดังกล่าวก็ถือว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างมากแล้ว และอาจมีโอกาสร่วงลงอีกอย่างจำกัด2  

ดังนั้นภาวะแบบนี้ ธนาคารทิสโก้ จึงมองว่า เป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเลือกซื้อกองทุนที่ราคาปรับตัวลดลง และมีแนวโน้มโตสูงในระยะยาว จึงจะสามารถสู้กับเศรษฐกิจถดถอยได้เวิร์ค ซึ่งสำหรับเดือน ส.ค. มีหลายธีมกองทุนที่น่าสนใจ

เทคโนโลยีแห่งอนาคต : ธุรกิจที่โลกขาดไม่ได้

ธนาคารทิสโก้ ได้แนะนำให้ลงทุนในธีมเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพราะมองว่า ธีมการลงทุนนี้ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่าสามารถผ่านวิกฤตต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2012 –2022) หุ้นกลุ่ม Technology สามารถให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นสูงถึง 18.56% ต่อปี (วัดจากดัชนี MSCI World Information Technology Index) ซึ่งด้วยผลตอบแทนในระดับนี้จะทำให้เงินลงทุนมีโอกาสเติบโตเป็น 2 เท่าในราว 4 ปี เลยทีเดียว3

ดังนั้นนักลงทุนจึงสามารถเลือกลงทุน โดยเน้นกองทุนที่กระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ราคาปรับตัวลดลงมามากแล้ว หรือจะเลือกกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เป็นดาวรุ่งไปเลยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ธุรกิจความปลอดภัยด้านไซเบอร์ (Cyber Security) กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจ Cloud Computing ซึ่งเป็นธุรกิจเบื้องหลังความสำเร็จของ Metaverse ประกอบด้วย Software as a Service, Platform as a Service, Infrastructure as a Service เป็นต้น

โดยข้อดีของการลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เป็นดาวรุ่งไปประเภทใดประเภทหนึ่งไปเลย จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกแบบตรงจุดในธุรกิจเทคโนโลยีที่ชอบและมั่นใจว่ามีศักยภาพการเติบโตได้ดียิ่งขึ้น เพราะธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยีเอง ก็มีหลากหลายรูปแบบ และบางธุรกิจก็มีแนวโน้มเติบโตที่โดดเด่นกว่าธุรกิจอื่น ๆ ในกลุ่มอย่างชัดเจน

นวัตกรรมการแพทย์ : รับสังคมสูงวัย

สังคมสูงวัย ที่เกิดขึ้นจากการที่ประชากรโลกมีอายุยืนขึ้น ได้ส่งผลให้ความต้องการด้านนวัตกรรมทางการแพทย์สูงขึ้น ธุรกิจนี้จึงมีแนวโน้มเติบโตสูง

ในอดีตค่าเฉลี่ยด้านอายุของคนไทยโดยภาพรวมไม่ได้มีอายุยืนนัก เห็นได้จากเมื่อปี 2493 อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่เพียง 48 ปีเท่านั้น แต่ในปี 2565 คนไทยมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 78 ปี ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเราอาจมีอายุยืนกว่าคนรุ่นทวดถึง 30 ปี แถมในอนาคตเด็กรุ่นใหม่ก็อาจมีอายุขัยถึง 100 ปี4

และไม่ใช่แค่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น หลายประเทศทั่วโลกก็กำลังมีจำนวนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากนวัตกรรมทางการแพทย์ที่พัฒนา ดังนั้นธุรกิจด้าน Healthcare ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2555-2565) จึงเป็นที่ต้องการของประชากรโลก และทำให้ธุรกิจเติบโตจนสามารถให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นกว่า 13% ต่อปี5

ไม่ใช่แค่เพียงให้ผลตอบแทนที่สูงในอดีตเท่านั้น ธุรกิจด้านนวัตกรรมการแพทย์ มีโอกาสจะสร้างการเติบโตที่ดีในระยะยาวอีก 5-10 ปีข้างหน้าด้วย เพราะเมื่อโลกเข้าสู่ยุคสังคมสูงวัยความต้องการทางนวัตกรรมการแพทย์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้นวัตกรรมการแพทย์ยังมีเสน่ห์จากโอกาสเกิดขึ้นระหว่างดำเนินธุรกิจด้วย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจในกลุ่มไบโอเทค ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดการควบรวมกิจการ (M&A) โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กลุ่มธุรกิจไบโอเทคฯ มีโอกาสจะเกิด M&A เพราะราคาหุ้นทั้งกลุ่มเล็กและใหญ่ ปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ประกอบกับเป็นช่วงที่เพิ่งผ่าน COVID-19 มา หลายบริษัทไม่ได้มีการลงทุนมากทำให้ยังมีกระแสเงินสดดี จึงมีโอกาสที่จะซื้อหุ้นที่ราคาปรับลดลง ทำให้การเกิด M&A ระหว่างบริษัทมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้น6

ดังนั้นธนาคารทิสโก้ จึงแนะนำให้เลือกกองทุนภายใต้ธีมนวัตกรรมการแพทย์ ได้แก่

  1. กองทุนที่เน้นลงทุนธุรกิจไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) ซึ่งเป็นธุรกิจวิจัยและพัฒนายา-วัคซีนรักษารวมถึงป้องกันโรค
  2. กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจ Digital Health ที่เกี่ยวข้องกับบริการ Telehealth การใช้ระบบ Cloud ในการจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงบริษัทที่ผลิตเครื่องมือการตรวจโรค หุ่นยนต์ผ่าตัดและอุปกรณ์ทางการแพทย์สมัยใหม่ประเภทต่าง ๆ
  3. กองทุนที่กระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์

From west to East : จากตลาดตะวันตก สู่ตลาดเอเชีย  

ขณะที่ในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ มีความน่ากังวลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในฟากของประเทศแถบเอเชีย กลับมีหลายประเทศเติบโตดี โดยที่ผ่านมา ธนาคารทิสโก้ ได้แนะนำให้นักลงทุนเลือกซื้อกองทุน โดยโฟกัสไปที่ประเทศจีน และเวียดนาม ซึ่งทั้งสองประเทศนี้มีความน่าสนใจทั้งในเชิงของเศรษฐกิจ ราคาหุ้น นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการได้แรงหนุนจากนโยบายรัฐฯ

และนอกจากนี้ ในรอบเดือน ส.ค. ธนาคารทิสโก้ ได้เพิ่มคำแนะนำการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียด้วย เพราะมองว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ของจำนวนประชากรที่มีสูงถึง 272.2 ล้านคน และจากการที่ประชากรวัยแรงงานเติบโตต่อเนื่องนี่เอง ก็ยิ่งช่วยผลักดันรายได้ต่อหัวของประชากรในประเทศสูงขึ้น ไม่เพียงเท่านี้อินโดนีเซียยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของประเทศ จากการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การถือหุ้นในธุรกิจสำคัญ ซึ่งส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีความสามารถในการสร้างรายได้การส่งออกที่ดีจากทรัพยากรธรรมชาติทั้ง น้ำมันปาล์ม ถ่านหิน ทองคำ ฯลฯ7 อีกด้วย

ถึงเวลาสู้กับเศรษฐกิจถดถอยแล้ว ธีมกองทุนที่เราแนะนำ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณผ่านวิกฤตนี้ไปได้

==================

ที่มา

  1. “เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าโหมด “ถดถอย” แล้วธ.ทิสโก้ชี้ จังหวะทองช้อนซื้อของดีราคาถูก หุ้นเทคฯสหรัฐ – จีน และหุ้นเติบโตสูง” ,Press Release ,ส.ค.2565
  2. “Executive Summary” TIPS, ส.ค. 2565
  3. MSCI World Information Technology Index, www.msci.com, ก.ค.2565
  4. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย:TDRI
  5. MSCI World Healthcare Index (USD), www.msci.com ก.ค.2565
  6. “Which HC subsector is going to see the most M&A activity in 2H22” Goldman Sachs, มิ.ย.2565
  7. “การเติบโตของประชากรวัยแรงงาน”Fidelity International, United Nations Population Division, World Population Prospects 2019, PWC Report.

TISCO Advisory

ที่มาบทความ: https://www.tiscowealth.com/article/investment-advisory/which-growth-stocks-can-fight-recession.html