คำถามที่ผมมักจะถูกถามอยู่บ่อยๆ เวลามีคนมาถามเกี่ยวกับเรื่องประกันสังคมคือ “อาจารย์พอทราบไหมครับว่าเงินที่จ่ายไปทุกเดือนให้กับประกันสังคมนั้น คุ้มจริงหรือเปล่า” หรือ “เงินที่จะได้กลับคืนมานั้นเป็นจำนวนเท่าไหร่ อยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำหน่อยครับ”
อย่างแรกที่ทุกคนควรทราบคือ…การจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนนั้น เงินมากกว่าครึ่งที่จ่ายไปก็คือเงินออมของเราที่จะเข้าไปสะสมอยู่ในกองทุนชราภาพ (หรือหมายถึง กองทุนบำนาญเมื่อยามเกษียณนั่นเอง) ซึ่งเมื่อลองไปวิเคราะห์ดูแล้ว จะเห็นว่าเมื่อเทียบเงินที่จ่ายสมทบกับเงินบำนาญที่จะได้รับคืนนั้นถือว่าคุ้มค่ายิ่งกว่าที่คิด
ความหมายของเงินบำนาญนั้น คือเงินเพื่อการดำรงชีพพื้นฐาน แต่ถามว่าจะคุ้มยังไง ผมจะขอตอบคำถามด้วยการยกตัวอย่างให้ดูครับจะได้เห็นภาพชัดขึ้น
ผู้ประกันตนเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 25 ปี และเกษียณตอนอายุ 60 ปี รวมแล้วทำงานทั้งหมด 35 ปี ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเดือนละ 750 บาท แบ่งเงิน 300 บาท สำหรับค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุ ทุพพลภาพ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ว่างงาน และเสียชีวิต และอีก 450 บาทเป็นเงินออม (เท่ากับว่าจ่ายต่อปี 450 x 12 = 5,400 บาท)
ใน 1 ปี จ่ายเงินออม = 5,400 บาท ทำงานทั้งชีวิต 35 ปี เท่ากับจ่ายเงินสมทบประมาณ 189,000 บาท (5,400 x 35 = 189,000 บาท)
เมื่ออายุครบ 60 ปี รวมเงินสมทบจากนายจ้าง เงินสมทบจากรัฐบาล และดอกผลแล้ว จะมีเงินในบัญชีประมาณ 800,000 บาท ซึ่งมาจากเงินออมของเราเพียง 189,000 บาทเท่านั้น
เงินในบัญชีก้อนที่ว่านี้จะถูกทยอยจ่ายออกมาเป็นเงินบำนาญ ซึ่งถ้าอยู่ได้จนถึงอายุ 82 ปี ถึงเวลานั้นยอดเงินบำนาญที่ได้รับทุกเดือน รวมแล้วประมาณ 2,000,000 บาท เลยทีเดียว
1. สมทบเดือนละ 750 บาท ซึ่ง 450 บาท ถูกหักออกมาเป็นเงินออมต่อเดือน
2. เงินออมจึงเป็น 5,400 บาท ต่อปี (450 x 12)
3. ออมต่อเนื่องกัน 35 ปี เท่ากับ 189,000 บาท (5,400 x 35)
1. บำนาญต่อเดือนสำหรับการจ่ายสมทบยาวนานถึง 35 ปี เท่ากับ 7,500 บาท ต่อเดือน
2. เงินบำนาญจึงเป็น 90,000 บาท ต่อปี
3. อยู่รับเงินบำนาญถึง 22 ปี เท่ากับ 1,980,000 บาท (90,000 x 25)
เปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ จากเงินต้นที่จ่ายไม่ถึง 2 แสน แต่มีโอกาสรับบำนาญสะสมรวมกันถึง 2 ล้าน
จากหลักการข้างต้นนั้น จะเห็นว่ายิ่งจ่ายเงินสมทบให้นานที่สุด ยิ่งอายุยืนให้นานที่สุด ก็จะยิ่งคุ้มหลายเท่าตัวดังที่กล่าวมาครับ (อย่างน้อยก็ 10 เท่า เห็นๆ)
ซึ่งถ้าเราไปเริ่มเข้าประกันสังคมตอนอายุ 35 ปี และจ่ายต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 60 ปี (ก็จะสมทบได้ราวๆ 1.5 แสนบาท) แล้วไปรับเงินบำนาญทุกเดือนจนถึงอายุ 85 ปี (ก็จะได้ไป 1.5 ล้านบาท) เช่นกัน
จากการคำนวณในตารางมรณะที่นักคณิตศาสตร์ประกันภัยใช้คำนวณอายุขัยของคนไทย – รู้ไหมครับว่า เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมานี้ คนไทยเราอายุยืนขึ้นมาเกือบ 20 ปี แปลว่า ถ้าตอนนี้อายุเฉลี่ยของคนไทยเราอยู่ที่ 75 ปี และถ้าเราหมุนเวลาไปข้างหน้าอีก 25 ปีแล้ว ตอนนั้นอายุเฉลี่ยของคนไทยเราคงจะถึง 85 ปี แน่ๆ
จากตัวอย่างที่ผมอธิบายไปนั้น ผมจึงอยากแนะนำว่าแทนที่จะเอาเวลามานั่งลังเลว่ามันคุ้มจริงหรือเปล่า ผมว่าเราเอาเวลามาหมั่นออกกำลังกายกันให้อายุยืนขึ้นดีกว่าครับ จะได้รับเงินบำนาญเต็มๆ ถึง 2 ล้านไปเลย
โดย พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน