งบประมาณใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกจะถูกใช้ในปี 2021

วิกฤต COVID-19 ทำให้ทั่วโลกอัดฉีดสภาพคล่องสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ … และถัดไปอาจจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งได้มีบางประเทศผ่านงบออกมาแล้ว อย่างเช่น Joe Biden ประกาศลงทุน 2.25 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อพาเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอีกครั้ง

Biden มองภาพชัดตั้งแต่หาเสียงแล้วว่าปีหน้าต้องตั้งงบลงทุนขนาดใหญ่เท่านั้นเพื่อให้การจ้างงาน และเศรษฐกิจฟื้นฟูสำเร็จ ซึ่งการแต่งตั้ง Janet Yellen อดีตประธาน Fed ขึ้นเป็นรัฐมนตรีคลัง ยิ่งเป็นการส่งสัญญานว่ารัฐบาลของเขาจะผลักดันงบประมาณขนาดใหญ่ให้รัฐใช้จ่ายลงทุน ควบคู่กับการใช้นโยบายการเงินจาก Fed สนับสนุน

Biden ประกาศเตรียมเงิน 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ ลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน รถไฟ หรือระบบสื่อสาร และเรื่องที่จะพลาดไม่ได้คือเร่งติดตั้งระบบ “5G” ที่ปัจจุบันล่าช้ามาเกือบ 2 ปีแล้ว (เสียเวลาช่วงแบน Huawei ไป แต่ตัวเองทำไม่ได้จ้า)

ขณะที่นโยบายที่คนจับตามากที่สุดคือพลังงานสะอาด Biden ตั้งเป้าให้สหรัฐเป็นประเทศปลอดก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2050 แต่เป้าค่อนข้างไกลและแน่นอนว่าจะถูกคัดค้านเต็มที่จาก Republican ที่กลุ่มทุนพลังงาน Fossil อยู่เบื้องหลัง

ถัดมาคือจีน รัฐบาลอาศัยโอกาสที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจหลังโควิด ปั้นแผน Localization เต็มตัว ผลักงบประมาณและตั้งกองทุนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศเพื่อให้แข่งขันได้และลดการพึ่งพาโลกตะวันตก

ข้อแตกต่างกับสหรัฐคือ ระบบโครงสร้างพื้นฐานในจีนยังใหม่สุด ๆ ทั้งถนน สนามบิน รถไฟ อยู่ในสภาพดีมาก รัฐบาลจึงจะเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทคแทน และแกนกลางของเทคโนโลยีซึ่งจีนให้ความสำคัญมากก็คือระบบ “5G” ซึ่งจนถึงปัจจุบันลงทุนนำหน้าทั้งสหรัฐและยุโรปไปไกลมาก

และแน่นอนมันจะไม่หยุดแค่นั้น 3 เครือข่ายมือถือหลักในประเทศ (เปรียบเหมือน AIS, DTAC, True) อย่าง China Mobile (HKG: 0941), China Unicom (HKG: 0762), China Telecom (HKG: 0728) ประกาศเร่งลงทุนให้คนจีนมี 5G ใช้ครอบคลุมมากที่สุดเร็วๆ นี้ !

นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังจะเร่งลงทุนในพลังงานสะอาดโดยเฉพาะการผลักดันบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าให้ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลก (เหมือนที่ญี่ปุ่นมี Toyota, Honda) ล่าสุด Xiaomi ยังต้องกระโดดขอส่วนแบ่งเค้กจากอุตสาหกรรมนี้ หรือการที่ Great Wall Motors ประกาศบุกตลาดต่างประเทศ (รวมถึงไทย) ถือเป็นคำตอบรับเป้าหมายของรัฐบาล

เมื่อมาดูที่กลุ่ม EU ภาพก็ยังเป็นแบบเดิมคือทั้งรัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีเห็นตรงกันว่าปีหน้าจะต้องเข็นงบประมาณมหาศาลเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้น

เรามีโอกาสสูงมากที่จะได้เห็นงบประมาณที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกทุ่มลงทุนเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ กลับมาเดินได้ปกติในยุคหลังโควิด และนี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุให้หุ้นกลุ่มภาคการผลิตวิ่งแรงตั้งแต่ต้นปี

แล้วจะดีไหมถ้าเราเลือกลงทุนหุ้นที่เป็นโรงงานผลิตสินค้า Hi-Tech ที่ได้ประโยชน์จากทั้งนโยบายรัฐและเทรนด์โลกอนาคต ตัวอย่างเช่น 5G, Internet of Things, Edge Computing

ส่วนใครที่ยังกลัวตลาดหุ้นช่วงนี้ อยากให้ลองมองใหม่ว่า “ตลาดหุ้นไม่ดีหรือหุ้นในพอร์ตเราไม่ดี” เพราะดัชนี S&P 500 ทำ All time high อยู่ ดังนั้นถ้าเราใช้โอกาสช่วงนี้ศึกษาหุ้นดี ๆ ชุดใหม่เพิ่มย่อมเป็นประโยชน์มาก

BottomLiner

ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/4407818712566562