อสังหาฯ พารวย

“เป็นไทแล้วนะคะ” คำพูดของเจ้าหน้าที่ พร้อมรอยยิ้มที่สื่อนัยถึงคำว่า “ดีใจด้วย” ในขณะที่ยื่นโฉนดที่ดินให้กับเฟิร์นในฐานะ “เจ้าของกรรมสิทธิ์” อย่างแท้จริง…

ความรู้สึกแรกที่มีคือ “อิสระ” เพราะ “การไม่มีหนี้ คือลาภอันประเสริฐ” จริงๆ

หลังจากวันนั้น เฟิร์นก็นำโฉนดกลับมานั่งพินิจ…การโปะหนี้บ้าน 7 หลัก…เหนื่อยไม่น้อย แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการลงทุนรูปแบบนี้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน!

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ม่าม้าคือคนที่แนะนำ (แกมบังคับ) ให้ซื้อบ้านสักหลังเพื่อปล่อยเช่า ด้วยเหตุผลของคนจีนยุคเก่าที่ไม่มีความรู้ด้านการลงทุนแม้แต่น้อย คิดแต่เพียงว่า

  • ราคาบ้าน ยังไงก็มีแต่ “ขึ้นกับขึ้น”
  • เก็บค่าเช่า ก็มีกินไปเรื่อยๆ เหมือน “เสือนอนกิน”
  • ผ่อนบ้าน ก็เหมือนบังคับตัวเองให้ “เก็บเงิน”

หลังจากนั้นม่าม้าก็เริ่มเลือก “อสังหาฯ” ให้ในรูปแบบที่ตนถนัด

  • เลือก “ทำเลใกล้บ้าน”

เพราะรู้จักมักคุ้นดีว่าเจ้าของบ้านเป็นใคร แถมยังดูแลง่าย และรู้ด้วยว่ามีคนมาหาบ้านเช่าอยู่บ่อยๆ

  • เลือก “บ้านหลังเล็ก”

เพราะมองว่าคนที่จะหาบ้านเช่า ก็คือคนที่ยังโสด (นักเรียน-นักศึกษา) หรือครอบครัวเล็กๆ (กำลังสร้างตัว)

  • เลือก “ราคาที่ไม่สูงนัก”

เพราะรู้ดีว่ากลุ่มคนที่อาศัยอยู่ละแวกนั้น ล้วนเป็นพ่อค้า-แม่ขาย ที่ต้องการบ้านไว้พักอาศัยเป็นหลัก

เมื่อเลือกได้แบบนี้แล้ว…การตัดสินใจ “เป็นหนี้ก้อนโต” ของเฟิร์นก็เกิดขึ้นในทันใด…แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็พิสูจน์ได้ว่า “เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด” จริงๆ

  • ราคาบ้านขยับขึ้นมารวม 20% (ภายใน 3 ปีครึ่ง)
  • ค่าเช่าที่ได้รับปีละ 6%

หากคิดคำนวณเงินต้นและดอกเบี้ยที่ลงทุนไปบอกได้คำเดียวว่า “คุ้ม”


แท้จริงแล้ว อาจมีรูปแบบการลงทุนในอสังหาฯ อีกหลายประเภทที่จูงใจมากกว่า “บ้านเช่า” โดยข้อมูลจากมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ได้สรุปผลตอบแทน (ต่อปี) จากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ

  • โกดัง/ โรงงาน (ปริมณฑล) = 8-11%
  • ศูนย์การค้า (กทม. CBD) = 8-10%
  • อาคารสำนักงาน (กทม. CBD) = 6-8%
  • เซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ (เกรด A) = 6-8%
  • โรงแรม (กทม. ระดับ 4-5 ดาว) = 7-9%

แต่หัวใจสำคัญของการลงทุนในสิ่งใดก็คือต้องมี “ความรู้” ซึ่งแต่ละคนอาจมีความชอบ หรือความถนัดต่างกัน และความรู้นั้นอาจไม่ใช่มาจากในห้องเรียน หรือต้องมีกระดาษการันตี เพราะหลักการที่ม่าม้าใช้เลือกอสังหาฯ ให้เฟิร์นในครั้งนี้ก็ไม่ได้เกิดจากการเล่าเรียนจากสถานศึกษาใด หากแต่เกิดจากการเรียนรู้นอกห้องเรียน ที่มีต้นเหตุความ “สนใจ” และ “ใส่ใจ” เท่านั้น

การลงทุนในรูปแบบนี้ของเฟิร์นอาจดูธรรมดา เมื่อเทียบกับกูรูอสังหาฯ เจ๋งๆ หลายคนที่ผลตอบแทนอาจเป็น 2 หรือ 3 หลัก ตามความเก๋าที่ไม่เท่ากัน แต่โดยส่วนตัวเฟิร์นแล้วเชื่อว่า “ก้าวแรกสำคัญเสมอ” หากเราเรียนรู้ที่จะทำสิ่งใดแล้วแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ทุกประสบการณ์ระหว่างทาง ย่อมมีความหมายเสมอ…

ถ้าคุณไม่สนุกกับการเดินทาง ก็เป็นไปได้ว่าคุณ…จะไม่สนุกกับจุดหมายปลายทางเช่นกัน

-นิรนาม-

ไม่แน่ใจว่าระยะการผ่อนบ้าน 3 ปีครึ่งของเฟิร์นสั้นไปหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวไม่ชอบให้ตัวเองอยู่ในฐานะ “ลูกหนี้” จึงตัดสินใจโปะทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่หลังจากกรณีนี้แล้วก็ค้นพบข้อคิดใหม่ที่น่าสนใจว่า

การเป็นหนี้อสังหาฯ ก็ พารวย ด้วยเหมือนกัน

ที่มา : www.set.or.th